• 4 พ.ค. 2561

ชวนมารู้จักประกันภัยอาคารชุด

ในโลกที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเราเมื่อไหร่ การทำประกันภัยถือเป็นการบรรเทาและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สิน ในทั่วไปเราจะคุ้นเคยกับการทำประกันในรูปแบบของประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันเดินทาง ประกันรถยนต์ ประกันรถจักรยานยนต์ แต่ประกันภัยไม่ได้มีเพียงแค่นั้น ประกันภัยยังครอบคลุมไปในหลาย ๆ ส่วน เช่น ประกันการขนส่ง หรือแม้แต่การประกันอาคารสถานที่ หรือที่อยู่อาศัย

อาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือ สามารถแยกถือกรรมสิทธิ์ออกเป็น 2 ส่วน คือ กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลาง ซึ่งนิติบุคคลเป็นผู้จัดการดูแลเฉพาะทรัพย์ส่วนกลางเท่านั้น

ทรัพย์ส่วนกลาง หมายถึง โครงสร้างภายนอกต่างๆ พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ฟิตเนส ลานจอดรถ (ในกรณีที่ไม่ขาดกรรมสิทธิ์ขาดให้ห้องใดห้องหนึ่ง) สวน ดาดฟ้า สระว่ายน้ำ เป็นต้น โดยจะร่วมกับคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดในการดูแลและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุด ที่แตกต่างไปในแต่ละแห่ง ซึ่งมีระเบียบภายในไม่เหมือนกัน

กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล จะปรากฏในโฉนดเมื่อได้รับการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ประกอบการ ภายในโฉนดจะระบุห้องพัก ขนาดกว้างยาว พื้นที่ระเบียง หรือหากขายสิทธิ์ที่จอดรถก็จะปรากฏขนาดที่จอดรถภายในโฉนดด้วย

ประกันภัยคอนโดมิเนียมจึงมีความคุ้มครองหลากหลายส่วน ทั้งส่วนของกรรมสิทธิ์ทรัพย์ส่วนกลางและกรรมสิทธิ์ทรัพย์ส่วนบุคคล หากเกิดกรณีความเสียหายต่อพื้นที่ส่วนบุคคล หากเป็นก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ โครงการจะเป็นผู้ซ่อมให้ (นี่คือเหตุผลสำคัญของการตรวจรับบ้าน) หากเกิดหลังการโอนกรรมสิทธิ์ ถ้ามีประกันก็สบายใจ แต่ถ้าไม่มีก็ต้องซ่อมเอง ในส่วนของทรัพย์สินส่วนกลางนั้น หากอยู่ในประกันจะสามารถเคลมประกันได้ หรือหากไม่มีประกันนิติบุคคลจะเป็นผู้ซ่อมเอง

โดยทั่วไปแล้วระหว่างการก่อสร้างจะมีการทำประกันอยู่แล้ว แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จแล้วมีการโอนกรรมสิทธิ์เกิดขึ้น ความคุ้มครองของประกันระหว่างการก่อสร้างจะหมดอายุลงทันที ต้องอยู่ที่เจ้าของโครงการและนิติบุคคลว่าจะมีการซื้อประกันอาคารชุดหรือไม่ ส่วนใหญ่การทำประกันภัยคอนโดเจ้าของโครงการจะเก็บเงินค่าเบี้ยประกันจากลูกบ้านเป็นค่าใช้จ่ายตามตารางเมตรในโฉนดอยู่แล้ว โดยจะแยกออกจากเงินค่ากองทุนและค่าส่วนกลางของคอนโด ซึ่งจะจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์พร้อมๆ กัน บ้างก็เป็นส่วนที่เจ้าของโครงการคำนวณไว้ในเงินค่าส่วนกลางก้อนแรกที่เรียกเก็บแล้ว หรือใครโชคดีเจ้าของโครงการก็ออกเงินประกันให้ฟรีๆ ช่วงเวลาเอาประกันจะเริ่มตั้งแต่วันโอนกรรมสิทธิ์ห้องแรกนับไปจนครบ 1 ปี หลังจากนั้นก็ต้องอยู่นิติบุคคลที่ดูแลว่าจะต่ออายุประกันหรือไม่ 

ส่วนใหญ่ประกันคอนโดมิเนียมจะประกันเฉพาะส่วนโครงสร้างอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีหลักอยู่ 2 ตัว คือ All-Risk คือ ประกันที่คุ้มครองความเสี่ยงภัยทุกกรณีที่จะเกิดกับอาคาร ทรัพย์สินทั้งส่วนกลาง เช่น ลิฟต์ สวนหย่อม เครื่องจักร ผนัง เป็นต้น และทรัพย์สินส่วนบุคคล ตามแต่จะระบุในกรรมธรรม์ ซึ่งความคุ้มครองมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเบี้ยประกัน และ Public Liability ประกันความรับผิดชอบต่อสาธารณชน คือการประกันภัยต่อบุคคลภายนอก เช่น ป้ายคอนโดตกใส่คนทำให้ได้รับบาดเจ็บ เป็นต้น โดยการประกันภัยอาคารชุดอาจจะมีการซื้อประกันเพิ่มให้แก่ลูกบ้าน โดยระยะเวลาเอาประกันก็จะอยู่ที่ 1 ปีหลังจากมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องแรก โดยที่เราสามารถสอบถามกับเจ้าของโครงการเรื่องประกันภัยคอนโดมิเนียม ว่าครอบคลุมอะไรบ้าง หรืออาจสอบถามกับผู้ขายหรือเอเจนซี่ในกรณีที่ซื้อห้องมือสอง แต่อย่าลืมว่าประกันภัยอาคารชุดจะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุ ปัจจัยภายนอก ภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินทุนประกัน แต่ไม่คุ้มครองกรณีเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน โดยผลประโยชน์ที่จะได้รับก็แตกต่างกันไปตามสาเหตุ

ก่อนจะซื้อจะเช่าคอนโดมิเนียมก็ลองสอบถามและศึกษาประกันภัยอาคารชุดให้ดี จะได้รู้ว่าอะไรควรเพิ่ม อะไรควรระวัง เพราะผลประโยชน์ของเราอย่าให้ใครมาเอาเปรียบ



จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ

  • ค้นหาบ้านคอนโด

    ต้องการซื้อ หรือเช่า บ้าน คอนโด ตรวจ สอบราคา เช็คค่าเช่า ติดต่อตรงกับเจ้า ของตัวจริง ทุกทำเล ทั่วประเทศ

    ค้นหา
  • ลงประกาศ

    ต้องการขาย หรือปล่อยเช่า บ้าน คอนโด เพียงคุณเป็นเจ้าของตัวจริง และพร้อมที่จะลงประกาศอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ซื้อศึกษา อย่างสะดวกที่สุด ก็ลงประกาศ ได้เลย

    ลงประกาศ