เข้าใจสภาวะตลาดการลงทุนคอนโด
1. ทางเลือกในตลาด VS ความต้องการ
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ราคาของบ้านหรือคอนโดเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตคือ บ้านหรือคอนโดที่เราซื้อไว้กลายเป็นของหายากหรือของขาดตลาดไม่ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการซื้อ (คนที่ทำมาค้าขายคงจะรู้ดี เวลาของขาดตลาดแล้วมีคนต้องการ ราคาของของที่เราจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างง่ายดาย) ของหายากในที่นี้มักจะต้องหายากในเรื่องของทำเล และตัวสภาพทรัพย์สิน เช่น ทำเลนี้ไม่สามารถที่จะมีที่อยู่อาศัยลักษณะนี้ได้อีกในอนาคต เพราะค่าที่ดินมีโอกาสที่จะแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว และทรัพย์สินก็มีคุณภาพดี มีพื้นที่ใช้สอยอยู่สบาย วิวสวย วิธีที่เราจะรู้ว่าทำเลนั้นๆ ของประเภทไหนหายากได้ดีที่สุดก็คือต้องลองหาทรัพย์สินบางอย่างในบริเวณนั้นด้วยตัวเอง เช่น ลองหาทาวน์โฮมราคา 3-4 ล้านในย่านที่เป็นชุมชนแล้ว หรือลองหาคอนโดราคา 4-5 ล้านที่มีขนาดกำลังดีในย่านใจกลางเมือง เมื่อคุณได้ตั้งใจหาจริงๆ สักระยะ คุณก็จะพอรู้ได้ว่า ทำเลนั้นทรัพย์สินประเภทนั้นๆ ที่คุณมองหา เป็นของหายากหรือไม่ (นายหน้าที่ชำนาญในพื้นที่อาจช่วยคุณในเรื่องนี้ได้ดี) ส่วนเรื่องความต้องการ แน่นอนถ้าพื้นที่นั้นๆ มีความต้องการมากๆ โดยเฉพาะเป็นความต้องการของคนที่มีกำลังซื้อสูงๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุหลายประการเช่น อยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ ใกล้โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดังๆ เดินทางสะดวก (ยิ่งสะดวกยิ่งดี) ถ้าอยู่แนวรถไฟฟ้าก็ให้เดินถึง แน่นอนความต้องการก็จะมากขึ้น เรื่องความต้องการเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใส่ใจ ถ้าสามารถมองเห็นเป็นกลุ่มคนเฉพาะได้เลยจะยิ่งดี เช่น ย่านพญาไท จะมีผู้ปกครองหาซื้อที่อยู่อาศัยให้ลูกที่สอบเข้าจุฬาฯ เตรียมอุดม และโรงเรียนดังๆ ทุกปี หรือย่านรัชโยธิน ก็เป็นพื้นที่ทีสะดวกสำหรับคนที่ทำงานให้กับบริษัทด้านพลังงานและสำนักงานในพื้นที่ ซึ่งบริษัทพลังงานเหล่านี้มักมีสวัสดิการช่วยเหลือเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยให้พนักงาน เป็นต้น
สิ่งที่สำคัญก็คือเราต้องมองภาพในอนาคตไกล ๆ ถึงช่วงที่เราคาดว่าอาจจะขายทรัพย์สินว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าภาพตรงนั้นจะดีขึ้นมากๆ และเชื่อมั่นได้ โอกาสในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นไปด้วย เศรษฐีบางคนอาจเลือกใช้วิธียกที่ดินให้มหาวิทยาลัยดังๆ หรือพัฒนาโครงการที่จะช่วยดึงดูดคนมากๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ดินส่วนที่เหลือของตัวเอง ซึ่งมูลค่าที่เพิ่มขึ้น แน่นอนต้องคุ้มกว่าที่ดินที่ยกให้ไปหลายเท่า
2. สภาวะทางอารมณ์
อสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่ต้องใช้ความเชื่อมั่นในการซื้อ เพราะส่วนใหญ่เป็นการซื้อด้วยเงินในอนาคต แต่สภาวะที่น่าซื้อกลับเป็นสภาวะที่คนกลัวความไม่แน่นอน เพราะทำให้เรามีทางเลือกและมีกำลังการต่อรองดีกว่า และในทางตรงกันข้ามสภาวะที่ตลาดคึกคะนองกลับกลายเป็นสภาวะที่เราควรระวัง เพราะทุกคนจะแย่งกันซื้อและซื้ออย่างไม่มีข้อมูล ทำให้ทั้งผู้ขายมีโอกาสที่จะตั้งราคาสูงมาก ๆ ข้อแนะนำในสำหรับการป้องกันตัวเองจากการถูกตลาดพาไปหรือกลัวตกดอยนี้ สิ่งที่เราควรจะทำคือ ศึกษาราคาตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งศึกษาความต้องการที่แท้จริงในพื้นที่ที่เราสนใจ โดยหมั่นสังเกตว่าโครงการที่ขึ้นมานั้นมีคนอยู่จริงหรือไม่ เพราะความรู้ตรงนี้จะช่วยทำให้เราประเมินได้อย่างแม่นยำมากขึ้นว่าโครงการเปิดตัวใหม่ที่ไหน 1.ทำเลดีจริง 2.เจ้าของโครงการดี 3.ราคาถูกกว่าตลาด
3.ต้นทุนที่ซื้อมา
ในโครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ๆ สภาวะตลาดและช่วงเวลา อาจทำให้การซื้อขายมีราคาที่แตกต่างกันอย่างมาก การซื้อทรัพย์สินมาผิดจังหวะเวลาคือซื้อมาแพงเกินไป (ตอนที่ตลาดกำลังเฟ้อ) อาจทำให้ทรัพย์สินของคุณราคาไม่เพิ่มขึ้นเลยหลายๆ ปี (อาจเป็นเวลา 4-5 ปี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าโครงการไม่มีคนอยู่อาศัยจริงเข้ามาดูดซับซัพพลายออกจากโครงการนั้นๆ ซึ่งวิธีการป้องกันการซื้อทรัพย์สินมาในราคาแพงเกินไปก็กลับมาที่พื้นฐานเดิม คือ เราจะต้องหมั่นหาข้อมูลและสังเกตราคาตลาดในพื้นที่นั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งความต้องการอยู่อาศัยจริงในพื้นที่ จะเห็นได้ว่า การความเข้าใจตลาดและสภาพราคาเป็นพื้นฐานสำคัญทั้งหมด ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงในการซื้อ บ้านหรือคอนโดของคุณ ZmyHome จึงพยายามพัฒนาเว็บไซท์ของเราให้มีข้อมูลที่ถูกต้อง และช่วยให้ผู้ซื้อสามารถประเมินสภาพตลาดได้ จากแผนที่ และเครื่องมือหลายอย่างบนเว็บไซต์ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยการลงประกาศ และซื้อขายบน ZmyHome เพื่อให้เรามีแหล่งอ้างอิงที่ดี ที่จะช่วยให้เรามีความรู้และความเข้าใจที่มากขึ้นและง่ายขึ้น เมื่อจะซื้อขายบ้านนะครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ