นอกจากค่าห้องที่ต้องจ่ายแล้ว ยังมีค่าอะไรอีกที่ต้องเตรียม?
ค่าโน้นนี่ ต่าง ๆ นานาในการซื้อบ้าน คอนโด ที่เราเองอาจจะคาดไม่ถึง ถ้าตัดสินใจซื้อได้แล้วว่า คอนโดนี้แหละที่ใช่และถูกใจ จะได้เตรียมวางแผนการเงินของเราเองด้วยว่าจะต้องเตรียมเงินในส่วนไหนบ้าง ที่ต้องจ่าย ก่อนที่จะได้เข้าอยู่จริง
1. ค่าจองทำสัญญา
เงินจองที่เคยได้ยินกันคือเงินมัดจำในการจองห้องนั้น ๆ ส่วนมากขึ้นอยู่กับที่โครงการกำหนด หรือถ้าโครงการใจดีกว่านั้นก็จะขึ้นอยู่กับการตกลงของเราและโครงการ เราอาจจะได้จองถูกกว่าคนอื่นในบางเคส ส่วนมากก็จะเป็นหลักหมื่นขึ้นไป ไปจนถึงแสนก็มี ซึ่งหลังจากวางเงินจองแล้ว เราจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย มีรายละเอียดต่าง ๆ ว่าใครรับผิดชอบเงินเท่าไหร่ เราควรจะเช็คอ่านให้ดีก่อนจะเซ็น และจะมีสัญญาให้กับเราที่เป็นคนซื้อ และตัวสัญญาที่จะอยู่กับคนขายด้วย ถือเป็นหลักฐานไว้คนละฉบับ
2. เงินดาวน์
เงินดาวน์คือ เงินสดที่เรามีไว้อยู่แล้ว เป็นเงินก้อนนึงสำหรับการดาวน์ห้อง คล้ายเป็นเงินจองอีกขั้นนึง แต่จะมากกว่าเงินจอง ส่วนมากจะประมาณ 5-10 % ของราคาห้อง เช่นจะซื้อคอนโด 2 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 100,000 - 200,000 บาท เป็นต้น
3. ค่าประเมินราคา ขอสินเชื่อ
เงินส่วนนี้ คือเงินที่เราจะยื่นกู้เงินธนาคารมาซื้อบ้าน แล้วธนาคารจะคิดกำหนดวงเงินกู้ที่เราสามารถผ่อนได้ ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาจะอยู่ที่ 1,000 - 3,000 บาท แล้วแต่ธนาคาร แต่ถ้าเรายื่นขอสินเชื่อไปหลาย ๆ ที่ก็เท่ากับว่าเราต้องเสียเงินส่วนนี้หลายที่ไปด้วย ซีมายโฮมเราเลยแนะนำให้ยื่น 2-3 ที่ก็พอครับ เผื่อเลือกไว้ว่าธนาคารแรกไม่ผ่านก็ยังมีสำรอง หรือถ้าผ่านหมดทุกธนาคารก็จะได้มีข้อเปรียบเทียบเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนในอนาคต
4. ค่าจดจำนอง
คิดเป็น 1% ของวงเงินจำนอง หรือประมาณ 1% ของยอดเงินกูที่ขอสินเชื่อกับธนาคาร เช่นได้วงเงินกู้ 2,000,000 บาท ต้องเตรียมเงินจำนอง 20,000 บาท จากนั้นก็มีค่าอากรเสมป์ 0.50% ของราคาซื้อ-ขาย อันนี้เราต้องคุยกับคนขายและควรจะระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่าใครคือคนรับผิดชอบค่าโอน
5. ค่าโอนกรรมสิทธิ์
ค่าโอนฯ นี้ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินเหมือนกับค่าจำนอง โดยค่าโอนฯนี้จะคิดค่าจดทะเบียนสิทธิ 2% จากราคาประเมิน เงินส่วนนี้เราเองก็ต้องตกลงกับคนซื้อ คนขายว่าใครจะเป็นคนจ่าย ส่วนมากจะแบ่งกันจ่ายคนละ 1%
6. ค่าเบี้ยประกันภัยบ้าน
ค่าประกันนี้ใครหลาย ๆ คนอาจจะนึกไม่ถึง แต่จริง ๆ แล้วเราควรจะทำประกันเอาไว้ด้วย เผื่อเกิดอะไรไม่คาดฝันกับบ้านของเราจะได้มีเงินคุ้มครอง แต่ส่วนมากธนาคารจะเรียกเก็บรวมกับค่าผ่อนบ้านอยู่แล้ว โดยค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับราคาของบ้าน
7. ค่ามิเตอร์น้ำไฟ
ส่วนนี้ก็ต่างกันไปในแต่ละบ้าน แต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับมาตรวัด ขนาดมิเตอร์ และกระแสน้ำ ไฟ ที่ปล่อยได้ รวมๆ แล้วอยู่ประมาณหลักพันถึงหมื่น
8. ค่าส่วนกลาง
เฉพาะโครงการที่มีส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกัน เช่น บ้านจัดสรร คอนโด จะเรียกเก็บเพื่อเอาไว้บำรุงรักษาพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ลานจอดรถ ค่าแม่บ้าน ค่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต่าง ๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ากี่บาท และคอนโดจะเก็บตามขนาดห้องที่อยู่ เช่น ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร แล้วห้องเรา 30 ตารางเมตร ก็ต้องจ่าย 1,500 บาทต่อห้องต่อเดือนนั่นเอง
9. ค่าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์
งบส่วนนี้เราเองควรจะมีเงินกันไว้สักก้อน เพราะส่วนมากเราจะได้ห้องเปล่า หรือบางที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ก็ยังต้องมีของบางอย่างที่เราจำเป็นต้องซื้อใหม่ ซื้อเพิ่มอยู่ดี ส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังจ่ายของเราเอง จะเอาสไตล์ไหน เรียกช่างมาเลย หรือใครสะดวกช้อปแบบตามใจฉันก็พุ่งตัวไปอิเกีย อินเด็กซ์ได้เลย แล้วก็อย่าลืมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น แอร์ พัดลม เตารีด บลาๆๆ ด้วยครับ
ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์
1. ค่าจองทำสัญญา
เงินจองที่เคยได้ยินกันคือเงินมัดจำในการจองห้องนั้น ๆ ส่วนมากขึ้นอยู่กับที่โครงการกำหนด หรือถ้าโครงการใจดีกว่านั้นก็จะขึ้นอยู่กับการตกลงของเราและโครงการ เราอาจจะได้จองถูกกว่าคนอื่นในบางเคส ส่วนมากก็จะเป็นหลักหมื่นขึ้นไป ไปจนถึงแสนก็มี ซึ่งหลังจากวางเงินจองแล้ว เราจะต้องทำสัญญาจะซื้อจะขาย มีรายละเอียดต่าง ๆ ว่าใครรับผิดชอบเงินเท่าไหร่ เราควรจะเช็คอ่านให้ดีก่อนจะเซ็น และจะมีสัญญาให้กับเราที่เป็นคนซื้อ และตัวสัญญาที่จะอยู่กับคนขายด้วย ถือเป็นหลักฐานไว้คนละฉบับ
2. เงินดาวน์
เงินดาวน์คือ เงินสดที่เรามีไว้อยู่แล้ว เป็นเงินก้อนนึงสำหรับการดาวน์ห้อง คล้ายเป็นเงินจองอีกขั้นนึง แต่จะมากกว่าเงินจอง ส่วนมากจะประมาณ 5-10 % ของราคาห้อง เช่นจะซื้อคอนโด 2 ล้านบาท ต้องมีเงินดาวน์ 100,000 - 200,000 บาท เป็นต้น
3. ค่าประเมินราคา ขอสินเชื่อ
เงินส่วนนี้ คือเงินที่เราจะยื่นกู้เงินธนาคารมาซื้อบ้าน แล้วธนาคารจะคิดกำหนดวงเงินกู้ที่เราสามารถผ่อนได้ ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาจะอยู่ที่ 1,000 - 3,000 บาท แล้วแต่ธนาคาร แต่ถ้าเรายื่นขอสินเชื่อไปหลาย ๆ ที่ก็เท่ากับว่าเราต้องเสียเงินส่วนนี้หลายที่ไปด้วย ซีมายโฮมเราเลยแนะนำให้ยื่น 2-3 ที่ก็พอครับ เผื่อเลือกไว้ว่าธนาคารแรกไม่ผ่านก็ยังมีสำรอง หรือถ้าผ่านหมดทุกธนาคารก็จะได้มีข้อเปรียบเทียบเงื่อนไขเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนในอนาคต
4. ค่าจดจำนอง
คิดเป็น 1% ของวงเงินจำนอง หรือประมาณ 1% ของยอดเงินกูที่ขอสินเชื่อกับธนาคาร เช่นได้วงเงินกู้ 2,000,000 บาท ต้องเตรียมเงินจำนอง 20,000 บาท จากนั้นก็มีค่าอากรเสมป์ 0.50% ของราคาซื้อ-ขาย อันนี้เราต้องคุยกับคนขายและควรจะระบุในสัญญาให้ชัดเจนว่าใครคือคนรับผิดชอบค่าโอน
5. ค่าโอนกรรมสิทธิ์
ค่าโอนฯ นี้ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินเหมือนกับค่าจำนอง โดยค่าโอนฯนี้จะคิดค่าจดทะเบียนสิทธิ 2% จากราคาประเมิน เงินส่วนนี้เราเองก็ต้องตกลงกับคนซื้อ คนขายว่าใครจะเป็นคนจ่าย ส่วนมากจะแบ่งกันจ่ายคนละ 1%
6. ค่าเบี้ยประกันภัยบ้าน
ค่าประกันนี้ใครหลาย ๆ คนอาจจะนึกไม่ถึง แต่จริง ๆ แล้วเราควรจะทำประกันเอาไว้ด้วย เผื่อเกิดอะไรไม่คาดฝันกับบ้านของเราจะได้มีเงินคุ้มครอง แต่ส่วนมากธนาคารจะเรียกเก็บรวมกับค่าผ่อนบ้านอยู่แล้ว โดยค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับราคาของบ้าน
7. ค่ามิเตอร์น้ำไฟ
ส่วนนี้ก็ต่างกันไปในแต่ละบ้าน แต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับมาตรวัด ขนาดมิเตอร์ และกระแสน้ำ ไฟ ที่ปล่อยได้ รวมๆ แล้วอยู่ประมาณหลักพันถึงหมื่น
8. ค่าส่วนกลาง
เฉพาะโครงการที่มีส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกัน เช่น บ้านจัดสรร คอนโด จะเรียกเก็บเพื่อเอาไว้บำรุงรักษาพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ลานจอดรถ ค่าแม่บ้าน ค่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต่าง ๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ากี่บาท และคอนโดจะเก็บตามขนาดห้องที่อยู่ เช่น ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตร แล้วห้องเรา 30 ตารางเมตร ก็ต้องจ่าย 1,500 บาทต่อห้องต่อเดือนนั่นเอง
9. ค่าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์
งบส่วนนี้เราเองควรจะมีเงินกันไว้สักก้อน เพราะส่วนมากเราจะได้ห้องเปล่า หรือบางที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ก็ยังต้องมีของบางอย่างที่เราจำเป็นต้องซื้อใหม่ ซื้อเพิ่มอยู่ดี ส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังจ่ายของเราเอง จะเอาสไตล์ไหน เรียกช่างมาเลย หรือใครสะดวกช้อปแบบตามใจฉันก็พุ่งตัวไปอิเกีย อินเด็กซ์ได้เลย แล้วก็อย่าลืมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น แอร์ พัดลม เตารีด บลาๆๆ ด้วยครับ
ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์