ผ่อนบ้านต่อไม่ไหว ทำอย่างไรดี?
การมีบ้านเป็นของตัวเอง ถือเป็นความฝันอย่างหนึ่งของใครหลายคน ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินก้อนไปทุ่มทุนซื้อได้ ส่วนใหญ่จึงเลือกวิธีกู้เงินจากธนาคาร แล้วผ่อนจ่ายยาวนานนับสิบปี แต่ถึงวันหนึ่ง ความฝันนั้นก็อาจกลายเป็นฝันร้ายได้โดยไม่ทันตั้งตัว อย่างเช่นวิกฤติ CoVid-19 ที่เกิดขึ้น อาจทำให้บางคนตกงาน หรือธุรกิจขาดรายได้ไป ทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้เงินกู้บ้านได้ตามกำหนด
การที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือขาดส่งเกินกว่า 3 เดือน สิ่งที่จะตามมาก็คือดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้น หนี้ของเราก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วธนาคารก็ต้องฟ้องยึดบ้านของเราไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ สถานการณ์อาจแย่ลงไปอีก หากเงินที่ได้จากการขายบ้านนั้นยังน้อยกว่ายอดหนี้ เราก็ยังต้องหาเงินมาชำระหนี้ส่วนขาดอยู่ดี ธนาคารยังจะสามารถตามสืบทรัพย์จากลูกหนี้ได้อีก 10 ปี ลูกหนี้ไม่สามารถมีบัญชีธนาคาร ซื้อทรัพย์สินอื่น หรือทำธุรกรรมการเงินได้เพราะจะถูกตามอายัดทั้งหมด สุดท้ายเราอาจถูกฟ้องล้มละลายได้เลยทีเดียว
ลองกลับมาถามตัวเองดูก่อนครับว่า หากเราไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้บ้านได้จริง ๆ แล้วต้องเสียบ้านไป จะยอมได้มั้ย? หากทำใจรับตรงจุดนี้ได้ ให้รีบบอกขายบ้านโดยด่วนครับ ติดป้ายหน้าบ้าน โพสลงโซเชี่ยลมีเดีย หรือลงประกาศขายบ้านบนเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยตั้งราคาให้ต่ำกว่าตลาดไว้ ก็จะมีโอกาสขายได้เร็วขึ้น เพื่อตัดภาระหนี้ให้สิ้นสุดลงโดยเร็ว และยิ่งถ้าได้ขายให้กับคนใกล้ตัวหรือญาติสนิทชิดเชื้อ เรายังพอมีหวังที่จะขอซื้อคืนได้ในอนาคตเมื่อเรามีความพร้อมอีกด้วยครับ
แต่ถ้ายังอยากรักษาบ้านในฝันของเราไว้ สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือ ให้รีบติดต่อธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้เราทันทีที่รู้ตัวว่าเริ่มผ่อนไม่ไหว ธนาคารต่าง ๆ ที่ปล่อยกู้บ้านนั้น ยินดีจะช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้อยู่แล้วครับ ซึ่งการเจรจาระหว่างเรากับธนาคารก็จะมีหลากหลายแนวทางต่าง ๆ กัน การจะพิจารณาเลือกแต่ละแนวทางก็ขึ้นอยู่กับว่าเราผ่อนส่งมานานแค่ไหนและเหลือเงินต้นอยู่อีกเท่าไหร่ครับ
เงินกู้ประกอบขึ้นมาจาก 2 อย่างคือ "เงิน" และ "เวลา" ซึ่งปัญหาการผ่อนต่อไม่ไหว ก็เกิดจากการที่เราขาดทั้งสองอย่างครับ
ปัญหาเกี่ยวกับ"เงิน" เราสามารถเจรจากับธนาคารได้หลายวิธี เช่น ขอลดอัตราดอกเบี้ย, ลดค่าปรับ, ลดค่างวด, ขอพักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ย ไปจนถึงขอกู้เงินเพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยและขยายเวลากู้เงิน
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับ"เวลา"นั้น จำไว้ว่าดอกเบี้ยและค่าปรับนั้นไม่มีวันหยุด ทิ้งไว้นานก็มีแต่บานปลาย ลูกหนี้สามารถขอขยายเวลากู้เงินเพื่อลดค่างวดลง, ขอผ่อนชำระเฉลี่ยเป็นรายเดือนหรือเป็นงวด หรือถ้าเรื่องไปถึงขั้นฟ้องยึด ก็อาจขอให้ธนาคารชะลอการฟ้อง, ชะลอการยึดทรัพย์, ชะลอการขายทอดตลาด เพื่อให้เรามีเวลาหาเงินมาชำระหนี้ได้ต่อไป
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ลูกหนี้ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแก้ปัญหาหนี้สินก็คือ "สติ" พึงแก้ปัญหาตามลำดับความสำคัญ กู้ที่ไหนเราก็ต้องจ่ายที่นั่น อย่าได้ไปกู้ยืมที่อื่นมาจ่ายหนี้ธนาคาร ให้กลายเป็นลูปนรกไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะหนี้นอกระบบนั้นอย่าได้ไปข้องแวะ แล้วก็ อย่าหนีเด็ดขาด ให้ติดต่อธนาคารอย่างสม่ำเสมออย่างจริงใจ ไม่หลบหน้า ไม่เปลี่ยนเบอร์โทร อย่างน้อยถึงมีหนี้แต่ก็ยังมีบ้านอยู่ครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome
การที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือขาดส่งเกินกว่า 3 เดือน สิ่งที่จะตามมาก็คือดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้น หนี้ของเราก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วธนาคารก็ต้องฟ้องยึดบ้านของเราไปขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ สถานการณ์อาจแย่ลงไปอีก หากเงินที่ได้จากการขายบ้านนั้นยังน้อยกว่ายอดหนี้ เราก็ยังต้องหาเงินมาชำระหนี้ส่วนขาดอยู่ดี ธนาคารยังจะสามารถตามสืบทรัพย์จากลูกหนี้ได้อีก 10 ปี ลูกหนี้ไม่สามารถมีบัญชีธนาคาร ซื้อทรัพย์สินอื่น หรือทำธุรกรรมการเงินได้เพราะจะถูกตามอายัดทั้งหมด สุดท้ายเราอาจถูกฟ้องล้มละลายได้เลยทีเดียว
ลองกลับมาถามตัวเองดูก่อนครับว่า หากเราไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้บ้านได้จริง ๆ แล้วต้องเสียบ้านไป จะยอมได้มั้ย? หากทำใจรับตรงจุดนี้ได้ ให้รีบบอกขายบ้านโดยด่วนครับ ติดป้ายหน้าบ้าน โพสลงโซเชี่ยลมีเดีย หรือลงประกาศขายบ้านบนเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยตั้งราคาให้ต่ำกว่าตลาดไว้ ก็จะมีโอกาสขายได้เร็วขึ้น เพื่อตัดภาระหนี้ให้สิ้นสุดลงโดยเร็ว และยิ่งถ้าได้ขายให้กับคนใกล้ตัวหรือญาติสนิทชิดเชื้อ เรายังพอมีหวังที่จะขอซื้อคืนได้ในอนาคตเมื่อเรามีความพร้อมอีกด้วยครับ
แต่ถ้ายังอยากรักษาบ้านในฝันของเราไว้ สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือ ให้รีบติดต่อธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้เราทันทีที่รู้ตัวว่าเริ่มผ่อนไม่ไหว ธนาคารต่าง ๆ ที่ปล่อยกู้บ้านนั้น ยินดีจะช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้อยู่แล้วครับ ซึ่งการเจรจาระหว่างเรากับธนาคารก็จะมีหลากหลายแนวทางต่าง ๆ กัน การจะพิจารณาเลือกแต่ละแนวทางก็ขึ้นอยู่กับว่าเราผ่อนส่งมานานแค่ไหนและเหลือเงินต้นอยู่อีกเท่าไหร่ครับ
เงินกู้ประกอบขึ้นมาจาก 2 อย่างคือ "เงิน" และ "เวลา" ซึ่งปัญหาการผ่อนต่อไม่ไหว ก็เกิดจากการที่เราขาดทั้งสองอย่างครับ
ปัญหาเกี่ยวกับ"เงิน" เราสามารถเจรจากับธนาคารได้หลายวิธี เช่น ขอลดอัตราดอกเบี้ย, ลดค่าปรับ, ลดค่างวด, ขอพักชำระเงินต้นโดยชำระแต่ดอกเบี้ย ไปจนถึงขอกู้เงินเพิ่มเพื่อชำระดอกเบี้ยและขยายเวลากู้เงิน
ส่วนปัญหาเกี่ยวกับ"เวลา"นั้น จำไว้ว่าดอกเบี้ยและค่าปรับนั้นไม่มีวันหยุด ทิ้งไว้นานก็มีแต่บานปลาย ลูกหนี้สามารถขอขยายเวลากู้เงินเพื่อลดค่างวดลง, ขอผ่อนชำระเฉลี่ยเป็นรายเดือนหรือเป็นงวด หรือถ้าเรื่องไปถึงขั้นฟ้องยึด ก็อาจขอให้ธนาคารชะลอการฟ้อง, ชะลอการยึดทรัพย์, ชะลอการขายทอดตลาด เพื่อให้เรามีเวลาหาเงินมาชำระหนี้ได้ต่อไป
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ลูกหนี้ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแก้ปัญหาหนี้สินก็คือ "สติ" พึงแก้ปัญหาตามลำดับความสำคัญ กู้ที่ไหนเราก็ต้องจ่ายที่นั่น อย่าได้ไปกู้ยืมที่อื่นมาจ่ายหนี้ธนาคาร ให้กลายเป็นลูปนรกไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะหนี้นอกระบบนั้นอย่าได้ไปข้องแวะ แล้วก็ อย่าหนีเด็ดขาด ให้ติดต่อธนาคารอย่างสม่ำเสมออย่างจริงใจ ไม่หลบหน้า ไม่เปลี่ยนเบอร์โทร อย่างน้อยถึงมีหนี้แต่ก็ยังมีบ้านอยู่ครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome