เตรียมตัวยังไงให้กู้ซื้อบ้านกับธนาคารผ่าน?
การเตรียมเป็นหนี้ใหญ่ เช่น การซื้อบ้านซื้อรถยนต์ หลักสำคัญที่ธนาคารต้องการคือ “ความมั่นใจที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายเงินกู้คืนได้เป็นรายเดือน” ดังนั้นผู้จะซื้อบ้านที่ไม่เคยมีหนี้เลย ใสๆ วัยรุ่นชอบก็ผ่านบทความนี้ไปได้และหาบ้านในฝัน
เตรียมเอกสารพร้อมเป็นหนี้ก้อนแรกได้ แต่แม้จะมีหนี้อยู่หรือเคยเป็นหนี้ ขอให้จ่ายให้ตรงเวลาเป็นรายเดือน แม้แต่หนี้ยอดฮิตติดชาร์ทอย่างบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ขอแค่เพียงจ่ายขั้นต่ำเพื่อรักษา “ความมั่นใจที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายเงินกู้คืนได้เป็นรายเดือน” ให้คงไว้แม้เป็นหนี้แต่เป็นหนี้คุณภาพดี จ่ายตรงเวลา ธนาคารจะอ้าแขนรับผู้เป็นหนี้แต่มีวินัยในการจ่ายหนี้ทุกธนาคาร แต่ความดีย่อมมีขอบเขต แม้ว่าจะเป็นผู้มีวินัยในการจ่ายหนี้ แต่ภาระหนี้รายเดือนสูงเกินไป ไม่ใช่ว่าจะกู้ไม่ผ่าน ยังมีทางออกอื่น ๆอีกเพื่อให้สามารถครอบครองบ้านในฝันได้ คือ
1. หาผู้กู้ร่วมได้มากถึง 3 คน (พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ แฟน สามี ภรรยา) แต่ถ้าไม่ใช่พ่อ แม่ พี่ น้องทางสายเลือดต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หมายความว่า พ่อแม่กู้ กรรมสิทธิ์ลูกได้ เช่นเดียวกัน ลูกกู้เป็นกรรมสิทธิ์พ่อแม่ได้ แต่ถ้าญาติกันมากู้ร่วมก็ต้องกรรมสิทธิ์ร่วม แฟนกันไม่จดทะเบียนสมรส (เดี๋ยวนี้ฮิตมาก-ไม่จดทะเบียน ไม่เปลี่ยนนามสกุล) ต้องกรรมสิทธิ์ร่วม
2. ลดวงเงินกู้แล้วหาส่วนต่างเงินสดมาจ่าย (ถ้าไม่มีเงินเก็บจริงๆ แนะนำให้ถามธนาคารเกี่ยวกับสินเชื่อบุคคลที่ใช้บุคคลค้ำประกัน ดอกเบี้ยโหดกว่าแต่ไม่เท่าบัตรเครดิต เพื่อให้เราได้บ้านอ่ะนะ ยอมเถอะ เผลอ ๆ มีเงินเหลือจากการจ่ายส่วนต่างบ้าน ไปปิดบัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยแพงกว่าได้ด้วย)
3. ไปปิดบัตรเครดิตที่ทำให้ภาระหนี้รายเดือนสูงเกินไป ความมหัศจรรย์ของการซื้อบ้านโดยกู้เงินกับธนาคารคือ เงิน 7,000 ต่อเดือน ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาทได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีหนี้บัตร 70,000 บาท แล้วต้องจ่ายขั้นต่ำ 10% คือ 7,000 บาทต่อเดือน จะทำให้คุณเสียโอกาสกู้เงินเพื่อซื้อบ้านราคาเพิ่มอีก 1 ล้าน ปิดๆ ไปเถอะอยากให้ทุกคนมีบ้านในฝัน ก๊อกสุดท้ายถ้าเคยเป็นแผลจากการเคยผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจะพิจารณาว่าเคยเป็นแผลเบา ๆ เช่น ผิดนัดล่าช้า 30 วัน หรือ 60 วัน เพียงครั้งหรือสองครั้งยังพอหยวนๆ พอผ่านๆ ไปได้ แต่ถ้าเป็นแผลหนักคือเคยผิดนัดถึง 90 วัน จะถือว่าตั้งใจหลบเลี่ยงการชำระหนี้ จนกระทั้งติด blacklist คือไม่มีไม่หนีไม่จ่ายเป็นปีๆ ธนาคารก็จะขอเซย์กู้ดบาย ขอให้ไปปรับปรุงตัวใหม่ซักอย่างน้อย 1 ปี ไปเคลียร์หนี้ที่มีปัญหาให้เรียบร้อยก่อน อย่าลืมว่าธนาคารต้องการแค่ “ความมั่นใจที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายเงินกู้คืนได้เป็นรายเดือน”
ดังนั้นการมีประวัติผิดนัดชำระหนี้รายเดือนจะทำให้ธนาคารเสียความมั่นใจ รู้อย่างนี้แล้ว มีหนี้ก็จ่ายเถอะ สงสารธนาคารเพราะตามหนี้เหนื่อยแถมมีค่าใช้จ่ายทวงหนี้ เอาเงินเค้าไปก็ใช้เค้าให้หมด แค่นั้นจริงๆ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
เตรียมเอกสารพร้อมเป็นหนี้ก้อนแรกได้ แต่แม้จะมีหนี้อยู่หรือเคยเป็นหนี้ ขอให้จ่ายให้ตรงเวลาเป็นรายเดือน แม้แต่หนี้ยอดฮิตติดชาร์ทอย่างบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ขอแค่เพียงจ่ายขั้นต่ำเพื่อรักษา “ความมั่นใจที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายเงินกู้คืนได้เป็นรายเดือน” ให้คงไว้แม้เป็นหนี้แต่เป็นหนี้คุณภาพดี จ่ายตรงเวลา ธนาคารจะอ้าแขนรับผู้เป็นหนี้แต่มีวินัยในการจ่ายหนี้ทุกธนาคาร แต่ความดีย่อมมีขอบเขต แม้ว่าจะเป็นผู้มีวินัยในการจ่ายหนี้ แต่ภาระหนี้รายเดือนสูงเกินไป ไม่ใช่ว่าจะกู้ไม่ผ่าน ยังมีทางออกอื่น ๆอีกเพื่อให้สามารถครอบครองบ้านในฝันได้ คือ
1. หาผู้กู้ร่วมได้มากถึง 3 คน (พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ แฟน สามี ภรรยา) แต่ถ้าไม่ใช่พ่อ แม่ พี่ น้องทางสายเลือดต้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน หมายความว่า พ่อแม่กู้ กรรมสิทธิ์ลูกได้ เช่นเดียวกัน ลูกกู้เป็นกรรมสิทธิ์พ่อแม่ได้ แต่ถ้าญาติกันมากู้ร่วมก็ต้องกรรมสิทธิ์ร่วม แฟนกันไม่จดทะเบียนสมรส (เดี๋ยวนี้ฮิตมาก-ไม่จดทะเบียน ไม่เปลี่ยนนามสกุล) ต้องกรรมสิทธิ์ร่วม
2. ลดวงเงินกู้แล้วหาส่วนต่างเงินสดมาจ่าย (ถ้าไม่มีเงินเก็บจริงๆ แนะนำให้ถามธนาคารเกี่ยวกับสินเชื่อบุคคลที่ใช้บุคคลค้ำประกัน ดอกเบี้ยโหดกว่าแต่ไม่เท่าบัตรเครดิต เพื่อให้เราได้บ้านอ่ะนะ ยอมเถอะ เผลอ ๆ มีเงินเหลือจากการจ่ายส่วนต่างบ้าน ไปปิดบัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยแพงกว่าได้ด้วย)
3. ไปปิดบัตรเครดิตที่ทำให้ภาระหนี้รายเดือนสูงเกินไป ความมหัศจรรย์ของการซื้อบ้านโดยกู้เงินกับธนาคารคือ เงิน 7,000 ต่อเดือน ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาทได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีหนี้บัตร 70,000 บาท แล้วต้องจ่ายขั้นต่ำ 10% คือ 7,000 บาทต่อเดือน จะทำให้คุณเสียโอกาสกู้เงินเพื่อซื้อบ้านราคาเพิ่มอีก 1 ล้าน ปิดๆ ไปเถอะอยากให้ทุกคนมีบ้านในฝัน ก๊อกสุดท้ายถ้าเคยเป็นแผลจากการเคยผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารจะพิจารณาว่าเคยเป็นแผลเบา ๆ เช่น ผิดนัดล่าช้า 30 วัน หรือ 60 วัน เพียงครั้งหรือสองครั้งยังพอหยวนๆ พอผ่านๆ ไปได้ แต่ถ้าเป็นแผลหนักคือเคยผิดนัดถึง 90 วัน จะถือว่าตั้งใจหลบเลี่ยงการชำระหนี้ จนกระทั้งติด blacklist คือไม่มีไม่หนีไม่จ่ายเป็นปีๆ ธนาคารก็จะขอเซย์กู้ดบาย ขอให้ไปปรับปรุงตัวใหม่ซักอย่างน้อย 1 ปี ไปเคลียร์หนี้ที่มีปัญหาให้เรียบร้อยก่อน อย่าลืมว่าธนาคารต้องการแค่ “ความมั่นใจที่ผู้กู้จะสามารถจ่ายเงินกู้คืนได้เป็นรายเดือน”
ดังนั้นการมีประวัติผิดนัดชำระหนี้รายเดือนจะทำให้ธนาคารเสียความมั่นใจ รู้อย่างนี้แล้ว มีหนี้ก็จ่ายเถอะ สงสารธนาคารเพราะตามหนี้เหนื่อยแถมมีค่าใช้จ่ายทวงหนี้ เอาเงินเค้าไปก็ใช้เค้าให้หมด แค่นั้นจริงๆ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ