• 22 ก.ย. 2561

สมาคมอสังหาฯ ชี้ที่ดินแพงดันราคาบ้านพุ่ง หวั่นผู้บริโภคซื้อบ้านไม่ได้

         เกิดปัญหาให้ทางสมาคมอสังหาฯต้องหวั่นๆ หลังจากมีโครงการรถไฟฟ้าหลายสี ที่ครอบคลุมหลายพื่นที่ทั้งในเมือง เเละชานเมือง ทำให้ที่ดินโดยรอบนั้น ราคาพุ่งสูงตามไปด้วย ในขณะที่รายได้ของผู้บริโภคขึ้นตามไม่ทัน เชื่อว่าในอนาคตไม่ช้าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่มีกำลังซื้อบ้าน เนื่องจากราคาสูงเกินไป ซึ่งปัจจุบันราคาทาวน์เฮาส์ในเมืองปรับขึ้นไปถึง 5-6 ล้านบาท แนะรัฐบาลผ่อนเกณฑ์ข้อกำหนด-สีผังเมืองห้ามสร้าง หวังปลดล็อกที่ดินหลายแปลง ในเมืองนำออกมาพัฒนาได้  รัฐบาลควรผ่อนเกณฑ์ หรือข้อกำหนดการก่อสร้าง ทำเลสามารถนำออกมาพัฒนาและขายในราคาที่เหมาะสมได้ แนะประชาชนรีบซื้อบ้านก่อนราคาพุ่งสูงจนซื้อไม่ได้ ล่าสุดเตรียมจัดงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 39" ระหว่างวันที่ 4-7 ต.ค.นี้ หวังกระตุ้นตลาดปลายปี ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้คาดว่าในระหว่าง 4 วันที่จัดงานจะมีผู้มาเดินงานกว่า 1 แสนคน มียอดจองและขายมากกว่า 4,000 ล้านบาท และมียอดขายต่อเนื่องหลังงานอีกไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท รวมไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

          นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ปี 2561 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น พิจารณาได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ตลาดอสังหาฯในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจอสังหาฯ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทุนต่างชาติ สนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบ การไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ แต่อย่างไรก็ตามปัญหาปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะตลาดบ้าน 1-3 ล้านบาท ทำให้แม้ว่าจะขายสินค้าได้ แต่ผู้ประกอบการต้อง นำสินค้ากลับมาขายใหม่ ส่วนตลาดในเขตระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มีแนวโน้มดี ราคาที่ดิน ปรับตัวสูงขึ้น 2-3 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา
 

          นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด(มหาชน) อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า จากการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถไฟฟ้า ทำให้ที่ดินมีศักยภาพสูงขึ้น ทำให้ราคาที่ดิน ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลปรับขึ้นสูงมาก จนทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการแนวราบ ของผู้ประกอบการปรับขึ้นตาม ส่งผลไปยังราคาที่อยู่อาศัยปรับสูงขึ้นตาม ในขณะที่รายได้ของผู้บริโภคขึ้นตามไม่ทัน เชื่อว่าในอนาคตไม่ช้าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่มีกำลังซื้อบ้าน เนื่องจากราคาสูงเกินไป ซึ่งปัจจุบันราคาทาวน์เฮาส์ในเมืองปรับขึ้นไปถึง 5-6 ล้านบาท
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหา- ริมทรัพย์พบว่า ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามียอดโอนกรรมสิทธ์ ทาวน์เฮาส์ประมาณ 30,000 ยูนิต บ้านเดี่ยวยอดโอนฯ 15,000 ยูนิต ขณะที่ตัวเลขเปิดโครงการใหม่มีจำนวน 30,000 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวประมาณ 5,000 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ามีความต้องการสูงกว่า ซัปพลายที่ออกสู่ตลาด และคาดว่าจะสามารถขายได้หมดในเวลาไม่นาน
          "รัฐบาลควรผ่อนเกณฑ์ หรือข้อกำหนดการก่อสร้าง หรือปรับแก้สีผังเมืองเพื่อปลดล็อกให้ที่ดินในหลายๆ ทำเลสามารถนำออกมาพัฒนา และขายในราคาที่เหมาะสมได้ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินกว่า 50% ของพื้นที่ในกรุงเทพฯ ติดกฎหมายห้ามสร้างหรือนำมาพัฒนาไม่ได้ หากผ่อนเกณฑ์ ก็จะทำให้มีที่ดินออกมาพัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาถูกลงได้" นายวสันต์กล่าว

          ด้านนายปิติพัฒน์ ปรีดานนท์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 39 เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 61 โดยมองว่า มีอัตราการขยายตัวได้ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการ มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่วนการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนและมีการเดินหน้าพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาโครงการอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง และ การพัฒนาโครงการอีอีซี เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการเปิดหน้าดิน และเป็นสร้างทำเลที่อยู่อาศัยกว้างออกไป อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้ สามสมาคมภาคธุรกิจ   
          อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ไทย สมาคมบ้านจัดสรร และผู้ประกอบการภาคเอกชน จึงได้รวมกันจัดงาน "มหกรรม บ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 39 โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ต.ค. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งนี้คาดว่าในระหว่าง 4 วันที่จัดงานจะมีผู้มาเดินงานกว่า 1 แสนคน มียอดจองและขายมากกว่า 4,000 ล้านบาท และมียอดขายต่อเนื่องหลังงานอีกไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท รวมไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท
 

          นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยผลสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาพบว่าราคาเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ย่านพหลโยธินปัจจุบันอยู่ที่ 150,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร สูงกว่าโครงการเก่าประมาณ 8% ซึ่งในช่วง4 ปีที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 8% ต่อปี อีกทั้งคาดว่าในอนาคตคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS จะมีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากข้อจำกัดของที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ในย่านนี้ ซึ่งราคาที่ดินที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS นับตั้งแต่ปี 2556 เริ่มต้นที่ 500,000-1,000,000 บาทต่อตารางวา ราคาในปัจจุบันจึงขยับเข้าใกล้ราคาที่ดินทำเลสุขุมวิท นอกจากนี้ที่ดินย่านพลโยธินยังถูกแบ่งเป็นที่ดินแปลงเล็ก ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้นความต้องการ ที่เพิ่มขึ้นบนที่ดินที่หายากมากขึ้น นี้จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ
ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาคอนโดมิเนียมย่านพหลโยธิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนั้น เนื่องจากเป็นจุดที่มีการคมนาคมสะดวก สามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้า BTS และสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT โดยการเชื่อมด้วยรถไฟฟ้าBTSที่สถานีจตุจักร อีกทั้งยังมีความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยเนื่องจากอาคารส่วนใหญ่ ตามแนวถนนมีทั้งร้านขายของ แห่งใหม่และร้านค้าเก่าแก่ มีห้างค้าปลีกสมัยใหม่และ คอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมธนาคาร ร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีทางเดินเชื่อมต่อสู่สถานีรถไฟฟ้าอย่างสะดวก
 

          นอกจากนี้พหลโยธิน ยังเป็นแหล่งของอาคารสำนักงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่ทำงานสำหรับกลุ่มพนักงานออฟฟิศทั่วไป ถือเป็นกลุ่มที่มีความต้องการ ที่อยู่อาศัยในรูปแบบของคอนโดมิเนียม ที่ไม่ไกลจากที่ทำงานที่นี่ และยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม ที่อยู่กันมานานหลายรุ่นและมีแนวโน้มที่จะไม่ย้ายถิ่นที่อยู่ ซึ่งกลุ่มคนในพื้นที่ดั้งเดิมนี้ก็เป็นอีกกลุ่ม ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อขยายครอบครัว แต่ยังคงต้องการอาศัยอยู่รอบย่านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน คอนโดมิเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้ครอบครัวดั้งเดิม และ ยังอยู่บนทำเลที่มีถนนเชื่อมต่อหลายสาย ใกล้กับทางด่วน และระบบขนส่งมวลชน
          "ทำเลพหลโยธินมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8.4% ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นความต้องการซื้อ เพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่าการซื้อเพื่อลงทุน เนื่องจากปัจจุบันมีอาคารสำนักงานจำนวนมาก จึงเกิดความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ของกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มองหาคอนโดมิเนียมที่ไม่ไกลจากที่ทำงาน และยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยดั้งเดิม ที่จะขยายครอบครัว แต่ยังคงต้องการอาศัยอยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยปัจจุบัน คอนโดมิเนียมจึงเป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสบาย และยังใกล้กับทางด่วนและระบบขนส่งมวลชน อีกทั้งยังอยู่ในราคาที่จับต้องได้ ด้านการขายต่อและปล่อยเช่ามีผลตอบแทนเฉลี่ยใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 5-7% ต่อปี" นายอนุกูล กล่าวในที่สุด

ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน 360 องศา  ( 21 September 2018 )
http://www.reic.or.th/news/News_Detail.aspx?newsid=57419

ติดตามข่าวสาร บ้าน คอนโค ที่ดิน อสังหาฯ เเละอัพเดท ราคาบ้าน ราคาคอนโด เพื่อให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเห็นภาพที่แท้จริงของตลาด และตัดสินใจได้ถูกต้อง ก่อนใครที่ ZmyHome
บทความอื่นๆ
  • ค้นหาบ้านคอนโด

    ต้องการซื้อ หรือเช่า บ้าน คอนโด ตรวจ สอบราคา เช็คค่าเช่า ติดต่อตรงกับเจ้า ของตัวจริง ทุกทำเล ทั่วประเทศ

    ค้นหา
  • ลงประกาศ

    ต้องการขาย หรือปล่อยเช่า บ้าน คอนโด เพียงคุณเป็นเจ้าของตัวจริง และพร้อมที่จะลงประกาศอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ซื้อศึกษา อย่างสะดวกที่สุด ก็ลงประกาศ ได้เลย

    ลงประกาศ