LALIN กางแผนงานครึ่งปีหลัง เล็งเปิด 5 โครงการ มูลค่ารวม 2.5 พันล้าน
ส่องภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์
“ไชยยันต์” กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 สำหรับผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดคอนโดมิเนียมที่ลดลงค่อนข้างรุนแรง และตลาดผู้ซื้อเพื่อการลงทุนมีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนโครงการแนวราบในกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกยังทรงตัว
การชะลอตัวดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประกาศใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (LTV) ที่เริ่มบังคับใช้ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุนลดลง และผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อ เพราะไม่มั่นใจว่าจะขอสินเชื่อได้หรือไม่ อีกทั้งในปี 2562 มีลูกค้าต่างชาติหายไปเยอะ โดยเฉพาะชาวจีนที่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจในประเทศ สงครามการค้ากับสหรัฐฯ และปัจจัยเรื่องค่าเงิน
“แม้คอนโดมิเนียมจะได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV แต่ปัจจุบันบริษัทก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาโครงการแนวราบ 99% แล้ว ซึ่งเป็นตลาดผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่จริง (Real Demand) ไม่ได้รับผลกระทบมาก ทำให้บริษัทมียอดขาย (Presale) ในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ระดับ 3,100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58-59% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2562 ที่ 5,300 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท”
ขณะที่ผลสำรวจโครงการบ้านจัดสรรล่าสุดของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบถือเป็นตลาดที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเป็นการซื้อบ้านหลังแรกเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ความต้องการซื้อยังมีอยู่ต่อเนื่อง จึงได้รับผลกระทบจากมาตรการน้อยกว่าคอนโดมิเนียม แต่ผู้บริโภคก็จำเป็นจะต้องปรับตัวในการวางแผนการออมก่อนการซื้อที่อยู่อาศัย แต่คอนโดมิเนียมปีนี้ยอดขายน่าจะติดลบแน่นอน 20-30%
ฝากรัฐบาลใหม่สานต่อบ้านล้านหลัง
“ไชยยันต์” กล่าวว่า อยากจะฝากสานต่อโครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 ที่ประชาชนมาจองสิทธิ์สินเชื่อไว้แล้ว 127,000 ล้านบาท และเตรียมปล่อยสินเชื่อในเฟสที่ 2 วงเงินอีก 100,000 ล้านบาท หลังความสำเร็จเฟสแรกของรัฐบาลเดิมที่ปล่อยกู้ไปได้ไม่กี่พันล้านบาท เทียบกับการจองสิทธิ์กว่า 100,000 ล้านบาท เป็นเพราะบ้านราคา 1 ล้านบาท ไม่มีในตลาด อยากฝากรัฐบาลชุดใหม่ทบทวนว่าเงื่อนไขบ้านราคา 1 ล้านบาท ควรมีการยืดหยุ่นด้านราคาเพิ่มขึ้นหรือไม่ เช่นเดียวกับมาตรการลดค่าโอน และค่าจดจำนองสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยในราคา 1 ล้านบาท และมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท รวมถึงมาตรการคุมสินเชื่อที่ทำให้ตลาดสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว หากผ่อนปรนบางเงื่อนไขได้บ้าง เพื่อให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็จะส่งผลทางบวกเพิ่มมากขึ้น
“ภาพรวมอสังหาฯ ชะลอตามเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยบวกดอกเบี้ยที่จะลดลงยังพอเข้ามาเสริมได้ และอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูเรื่อง LTV ว่าแรงไปหรือไม่ อีกอย่างควรหันมาดูแลชนชั้นกลาง ที่เป็นผู้เสียภาษีเข้ารัฐมากที่สุดให้ได้มีบ้านหลังแรก และมีการใช้จ่ายที่คล่องมากขึ้น รวมถึงชนชั้นอื่น ๆ ด้วยที่ได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง”
ครึ่งปีหลังอสังหาฯ ยังแข่งขันรุนแรง
สำหรับการแข่งขันในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ประกอบการต่างเร่งระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยที่สร้างเสร็จ และที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ ๆ ได้ปรับแผนใหม่ชะลอตัวการเปิดโครงการใหม่และระมัดระวังการลงทุนใหม่ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการสร้างสมดุลให้กับตลาดสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ขณะที่ทุกรายพยายามรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้สูงเกินไป รวมถึงรักษาสภาพคล่องทางการเงิน
ด้านปัจจัยบวกบริษัทมองว่าเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากเศรษฐกิจชะลอตัว และสหรัฐอเมริกาประกาศปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน ส่วนซัพพลายคอนโดมิเนียมออกสู่ตลาดน้อยลงตามการชะลอเปิดโครงการตามที่กล่าวมาข้างต้น และช่วยผ่อนคลายให้ราคาที่ดินไม่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา
จ่อเปิด 5 โครงการ มูลค่า 2.5 พันล้าน
“ไชยยันต์” กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของ LALIN เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 2,500 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 3/2562 จะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,700-1,800 ล้านบาท และอีก 2 โครงการที่เหลือจะทยอยเปิดภายในช่วงต้นไตรมาส 4/2562 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเปิดโครงการใหม่ได้ครบ 9 โครงการ
เร่งระบายสต๊อกปิดขาย 7 โครงการ
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวม 1,300 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปี 2562 ทั้งหมด และจะมีแบ็กล็อกเข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินค้าเหลือขาย (สต๊อก) เหลือเพียง 10-12 ยูนิตต่อโครงการเท่านั้น โดยบริษัทมีแผนระบายสต๊อกออกให้มากที่สุด เพื่อสร้างกระแสเงินสด เชื่อว่าจะสามารถปิดการขายโครงการได้อีก 6-7 โครงการภายในปี 2562 ถือว่าเป็นบริษัทที่มีสต๊อกน้อยที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในตอนนี้
ขณะที่ บริษัทยังคงอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งจากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้บริษัทมียอดขายในปี 2562 ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5,300 ล้านบาท และมีรายได้รวม 4,650 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2561 ที่มีรายได้รวม 4,098.66 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น, ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์