RICHY อุ้มลูกค้ายืดเวลาผ่อนโอน เสริมฐานะการเงินคนกู้สู้พิษ LTV
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ "RICHY" เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2562 ว่า จากมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งเรื่องมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เหลืออย่างละ 0.01% และการสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ได้ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดปรับตัวดีขึ้น คาดว่าตัวเลขในไตรมาส 4 จะเติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ออกมา อาจจะช้าเกินไปเมื่อเทียบกับสภาพตลาดที่ชะลอตัวลงไปมาก คาดว่าปีนี้ตลาดคอนโดฯอาจจะติดลบประมาณ 10% หรือมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 360,000 ล้านบาท
"เราต้องช่วยเหลือตัวเอง ตอนนี้ ยอดปฏิเสธสินเชื่อริชี่เพลซฯโดยรวมสูงถึง 50% เนื่องจากเกณฑ์ LTV มีการกำหนดนิยามเกี่ยวกับลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในแต่ละสัญญาที่ลดลง ทำให้ลูกค้าจะไม่สามารถจะหาเงินจำนวนมากมาสมทบได้ทันเพื่อโอนห้องชุด ทำให้ตัวเลขยอดโอนของบริษัทฯลดลง โดยโครงการของเรากว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์ ที่มีราคาขายตั้งแต่ 3-4 ล้านบาท เช่น โครงการเดอะริช สาทร-ตากสิน ราคา 4 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะอยู่ในนิยามของสัญญาที่ 2 และ 3 ที่วงเงินการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารจะอยู่ที่ 80 และ 70 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่งผลให้ลูกค้าต้องตัดใจทิ้งเงินจอง ทิ้งดาวน์ เราไม่ต้องการเห็น เราอยากให้ลูกค้ามีบ้านอยู่ เพราะบ้านคือปัจจัย 4 ที่สำคัญ"
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำอย่างไรที่จะให้ลูกค้าสามารถโอนห้องชุดในระยะข้างหน้าได้ เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดมาก มีการกำหนดเงื่อนไขต้องทำงานเกิน 6 เดือน หรือถ้ากำลังเปลี่ยนงาน ถ้าพึ่งผ่านการทำงานมาได้ 3 เดือน ทางธนาคารก็อยากจะให้จำนวนเดือนทำงานเพิ่มขึ้นอีก โดยวิธีการที่ริชี่เพลซฯทำ คือ หากโอกาสยื่นกู้ขอสินเชื่อแล้วไม่ผ่าน ทางโครงการจะให้ลูกค้ามาผ่อนดาวน์เพิ่มเติมกับโครงการแทนการโอนห้องชุด เช่น ระยะเวลา 3-9 เดือน แล้วแต่กรณีของลูกค้า ไม่ได้เป็นการเหมารวมทุกโครงการ และหากบางรายมีความจำเป็นจริงๆต้องเข้าอยู่ หรือมีการโปะบางส่วน ก็อาจจะพิจารณาให้เข้าอยู่ได้
"เป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุด ที่เราทำได้ นอกจากลดเรื่องยอดรีเจกต์เรตแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นมาตรการต่อจากรัฐ ลดอุปสรรคเรื่อง LTV ซึ่งเราก็หวังว่า หากสามารถดึงลูกค้ากลุ่มนี้กลับมาได้ 10-15 เปอร์เซ็นต์ ก็จะส่งผลดีต่อตัวเลขรายได้ที่อาจจะเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้และต่อเนื่องถึงปี 2563"
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2563 วางเป้าหมายที่จะเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท เป็นกลุ่มของโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงและโลว์ไรส์ 4 โครงการมูลค่า 5,300 ล้านบาท และส่วนของเฟส ต่อเนื่องในโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการมูลค่าไม่เกิน 250 ล้านบาท ซึ่งเป้ารายได้จะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปี 62 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดและจากมาตรการควบคุม LTV ขณะที่การเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ มีเพียง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเดอะริช เอกมัย มูลค่า 3,700 ล้านบาท และโครงการล่าสุด ริช พอยท์ @ บีทีเอส วุฒากาศ ติดสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศ จำนวน 792 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 85,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดพรีเซล ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยมอบราคาส่วนลดประมาณ 3 แสนบาท แล้วแต่ขนาดของห้องชุด วางเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 50%
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา, ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์