'โนเบิล'สวนตลาดอสังหาฯทรุด ผนึก'ยูซิตี้-ฮ่องกงแลนด์'ลุยลงทุน
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ในปี2563 ยังคงชะลอตัว แต่บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทได้ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้การร่วมทุนระหว่างบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย
โดยจัดตั้ง บริษัท รัชดา อัลไลแอนซ์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 ซึ่งเปิดตัวคอนโดภายใต้แบรนด์ "นิว" (Nue) ซึ่งเป็นโครงแรกในการร่วมทุน บนทำเลรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาทในไตรมาสสองปีนี้ อนาคตจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และสนามบินอู่ตะเภาต่อไป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมทุนกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ เพื่อพัฒนาที่ดินบนถนนวิทยุ บนพื้นที่ 3 ไร่เพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ โดยจะมีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 60,000 ตารางเมตรหรือคิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าว กลุ่มฮ่องกงแลนด์เป็นผู้ดำเนินการ ถือหุ้น 74% โนเบิลถือหุ้น 26% เมื่อพัฒนาแล้วเสร็จจะเป็นการเพิ่มเติมส่วนที่พักอาศัยที่เป็นลักษณะการขายขาด (Freehold) เป็นต้น
"แนวทางการทำธุกิจจะเน้นการทำงานที่สร้างโอกาสในการขยายตลาดและฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจากความร่วมมือ กับพันธมิตรในการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เนื่องจากมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ จึงไม่จำเป็นต้องทำตลาดแนวราบเหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่น"
นายธงชัย กล่าวว่า ปี 2563 ถือเป็นก้าวสำคัญของโนเบิลในการต่อยอดความสำเร็จในปีที่ผ่านมาที่มียอดรายได้สูงกว่า 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ส่งผลให้โนเบิลก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 10 ผู้นำในตลาดอสังหาฯ ดังนั้น จึงเตรียมเปิดตัว 7 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย
- โครงการ โนเบิล ร่วมฤดี มูลค่า 1,020 ล้านบาท
- โครงการ โนเบิล สเตท 39 มูลค่า 3,663 ล้านบาท
- โครงการ นิว ในทำเลงามวงศ์วาน มูลค่า 2,023 ล้านบาท
- โครงการบนถนนพรานนก มูลค่า 1,200 ล้านบาท
- โครงการในทำเลทองหล่อ 18 มูลค่า 5,300 ล้านบาท
- โครงการบนถนนวิทยุ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และ
- โครงการ "นิว" (Nue) ซึ่งเป็นโครงการแรกในการร่วมทุน บนทำเลรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่า 2,000 ล้านบาท
"ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีต้องระมัดระวังตัว แง่การทำตลาดทำเซกเมนต์ขายง่ายขึ้น ขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยการลงทุนซื้อตึกสร้างเสร็จแล้วมาขายให้กับกลุ่มที่สนใจ จีน ฮ่องกง คนไทย ที่ต้องการลงทุนซื้อคอนโดในลอนดอน คาดว่าใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ในช่วงค่าเงินบาทแข็งค่า สถานการณ์เบร็กซิทยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง คาดว่าเห็นสิ้นปีนี้"
นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โนเบิลฯ กล่าวว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2562 เป็น 7,000 ล้านบาทในปี 2563
ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 18% ของส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศ ในช่วงราคา 80,000 - 250,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่งเป็นระดับราคาขายที่ทางโนเบิลทำการตลาดอยู่ หรือประมาณทุก 1 ใน 5 ยูนิตของคอนโดที่ขายไปยังชาวต่างชาติทั้งหมดในกรุงเทพฯ ประกอบด้วยลูกค้าหลักจากต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งบริษัทฯ มีเครือข่ายที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว่า 470 ช่องทาง โดยเฉพาะในประเทศจีนซึ่งถือเป็นตลาดหลักที่บริษัทฯ สามารถขยายฐานการตลาดครอบคลุมได้กว่า 21 เมือง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ, ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์