แสนสิริ ปักธงผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว-ทาวน์โฮม โชว์แนวคิด SANSIRI MADE FOR LIFE MADE FOR WELL-BEING
- แสนสิริตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ และ “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน”
- โชว์แนวคิด Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being มุ่งพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในด้านสุขภาพ ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงใน Customer Insight ขึ้นแท่นสู่การเป็นผู้นำการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ที่ใส่ใจความเป็นอยู่ของลูกบ้าน
- ต่อยอดพัฒนาครอบคลุม 4 เรื่องหลัก Touchless Society / HY(GIENE)Tech Sales Gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy Experience
- เติมเต็มความต้องการอยู่อาศัยยุคใหม่ สู่พื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของทุกคนในครอบครัว สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายใน 3 ปี
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เราพูดมาตลอดในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ว่า การออกแบบที่อยู่อาศัยนั้น ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต พฤติกรรม และต้องตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะปัจจุบันที่เรากำลังถูกปัจจัยหลายๆ ด้าน เป็นตัว Disrupt ทำให้ต้องเร่งรัดและก้าวเข้าสู่ยุคการปรับเปลี่ยนการออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วฉับพลัน ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีใครเคยนึกถึง หรือมีประสบการณ์มาก่อน ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรคือแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) ดังนั้นแต่ละองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวตามความแตกต่างกันไปในแต่บริบทของตนเอง สิ่งสำคัญ ที่ทำให้แสนสิริสามารถดำรงอยู่ได้ตลอดระยะเวลา 36 ปีนั้นคือการที่แสนสิริได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การศึกษาและพัฒนาที่อยู่อาศัยบนพื้นฐานความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากลูกค้า จนกระทั่งเข้าใจความต้องการของลูกค้าหรือ Customer Insight อย่างแท้จริงนำพาไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ บริการ และแบรนด์ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดรับและมีประสิทธิภาพสูงสุด จนส่งผลให้แสนสิริเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” โดยดูยอดขายรวมในปีนี้ ที่ทำได้ล่าสุด 22,000 ล้านบาท และความสำเร็จกว่า 53% มาจากยอดขายโครงการแนวราบ ซึ่งแสนสิริได้วางเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และเป็น Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายในระยะเวลา 3 ปี”
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แสนสิริสามารถครองใจลูกค้าอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา คือ
แนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัย Sansiri For Greater Well-Being โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสุขภาพที่ดี ทั้งทางกายภาพ ทางจิตใจ และความสัมพันธ์ที่ดีของทุกคนในโครงการ ครอบคลุมทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยทุกองค์ประกอบเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกบ้าน สะท้อนสู่การเปิดตัวนวัตกรรมบ้านปลอดฝุ่นเป็นครั้งแรกในไทย (Dust-Free House) รวมถึงการปรับที่ดินทำเล “กรุงเทพกรีฑา” จำนวน 300 ไร่ สู่การเป็น “Well-Living Town for the Next Generation - เมืองคุณภาพสำหรับชีวิตแห่งอนาคต” ตลอดจนการสร้างSansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวในเมืองที่สร้างนิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา เป็นต้น
“แสนสิริไม่หยุดนิ่ง ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย สู่การเป็น แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน โดยในปีนี้
เรายกระดับสู่แนวคิด “Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being” การพัฒนาบ้านเดี่ยวและ
ทาวน์โฮมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในด้านสุขภาพและความปลอดภัย เติมเต็มความต้องการอยู่อาศัยยุคใหม่บนพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของทุกคนในครอบครัว มุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ซึ่งมาจากการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ศึกษา (R&D) และวางแผนจากการมองเห็นและเข้าใจในพฤติกรรมการใช้ชีวิตและความต้องการที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์ภาพรวมใหญ่ของโลกที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านความตื่นตัวในความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพ และการให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสะท้อนออกมาเป็นเรื่อง Product & Service ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เห็นถึง 4 เรื่องหลัก ที่จะเห็นได้ในโครงการบ้านและทาวน์โฮม ได้แก่ Touchless Society / HY(GIENE)Tech Sales Gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy experience
Touchless Society
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสนสิริได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ในวงการอสังหาฯ ในการลดการสัมผัส (Touchless)เริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงโครงการ ซึ่งลูกบ้านสามารถระบุรายละเอียดของผู้ที่จะมาติดต่อ เช่น เลขทะเบียนรถหรือเวลาที่จะเดินทางมาถึง ผ่าน Visitor Pass บน Sansiri Home Service Application ซึ่งจะมีการส่ง
QR Code เพื่อให้ผู้มาติดต่อสามารถสแกนเข้า-ออกโครงการ ได้ด้วยตัวเองในรูปแบบ E-Stamp โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสบนสมาร์ทโฟน เพิ่มประสบการณ์ความสะดวกสบาย
แต่ยังคงอุ่นใจในระบบรักษาความปลอดภัย โดยปัจจุบันเริ่มเปิดใช้งานแล้วในโครงการบ้านเดี่ยว อาทิ โครงการบุราสิริ วงแหวน - อ่อนนุช โครงการบุราสิริ ปัญญาอินทรา และโครงการบุราสิริ ราชพฤกษ์ - 345
โดยมุ่งพัฒนาต่อเนื่องสู่อีกอีก 36 โครงการนำร่อง และวางแผนจะขยายสู่ทุกโครงการแนวราบของแสนสิริ
ในอนาคต
HY(GIENE)Tech Sales Gallery
บนพื้นที่สำนักงานขาย นับว่า แสนสิริ เป็น HY(GIENE)Tech Sales Gallery โดยได้ใช้เทคโนโลยีเพิ่ม
ความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าผ่านช่องทาง Digital Marketing ด้วย Virtual Sales Gallery การดูบ้านตัวอย่างได้ทาง YouTube เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลผ่าน Line และ Facebook เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง นอกจากนี้ ในส่วนการเข้าเยี่ยมชมห้องตัวอย่างยังได้ยกระดับความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าเข้าชมโครงการด้วยความมั่นใจด้วยมาตรการ “Sansiri Care for All… เพราะเราห่วงใย” หรือบริการ Private Tour เพื่อให้ไม่ต้องปะปนกับผู้อื่น พร้อมทั้งมาตรการในการตรวจวัดอุณหภูมิการบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และการใช้ ตู้อบรองเท้า เพื่อฆ่าเชื้อผ่านการอาบรังสี UVC ก่อนนำมาบรรจุซองปิดสนิทเพื่อรอการใช้งานใหม่ในทุกครั้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าสลิปเปอร์ทุกคู่ที่ลูกค้าสวมใส่นั้น สะอาดปลอดภัย และ ถังขยะปลอดเชื้ออัตโนมัติ เพื่อจัดเก็บหน้ากากอนามัยหรือมาสก์ที่ผ่านการใช้งานเรียบร้อยแล้วได้อย่างทันที
Work and Living More Efficiently
แสนสิริ ใส่ใจในพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานทั้งภายในและภายนอกบ้านในรูปแบบใหม่ๆ สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของลูกบ้าน เพื่อตอบสนองทุกการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว ให้สามารถทำงานและ
ใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การป้องกันความไม่สะอาดจากภายนอกสู่ภายในบ้าน
เพิ่มความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ อาทิ พื้นที่วางรองเท้านอกบ้าน ปรับเป็นรูปแบบ Semi-Outdoor ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน และไม่อับชื้น โดยไม่มีการนำรองเท้าเข้ามาวางภายในบ้าน เพื่อลดโอกาสนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวบ้าน สร้างอ่างล้างมือนอกบ้าน เพื่อสร้างการรักษาความสะอาดก่อนเข้าไปภายในตัวบ้าน รวมถึงพื้นที่ในตัวบ้าน ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ทั้งการเป็น Connecting Space เพื่อทุกคนในครอบครัว และ Working Space เพื่อรองรับการทำงานในรูปแบบWork From Home ที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังร่วมกับผู้พัฒนาเครือข่ายเข้ามาสำรวจและติดตั้งเราท์เตอร์ (Router) และเครื่องขยายสัญญาณแบบ Mesh Wi-Fi เพื่อให้สามารถใช้ Wi-Fi ได้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ของตัวบ้าน
More Space & More Privacy experience
เพิ่มความปลอดภัยของ พื้นที่ส่วนกลาง ทั้งคลับเฮาส์, ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ โดยออกแบบให้มีขนาดใหญ่ โปร่งโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ดีไซน์ที่เน้นความสวยงามตามแนวคิดการออกแบบของแต่ละโครงการ
แต่ยังคงภายใต้มาตรการคุมเข้ม เรื่อง รักษาความสะอาดและความปลอดภัย เพื่อให้ลูกบ้านทุกคนมั่นใจในการเข้าใช้บริการของผู้ใช้บริการ ด้วยการดีไซน์แบบ Isolation Design การจัดวางสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีระยะปลอดภัย เพื่อที่ลุกบ้านได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ใช้พื้นที่มากขึ้นแต่ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวสูงขึ้น หรือ More Space & More Privacy experience อาทิ ระยะห่างของเครื่องออกกำลังกาย การจัดวางเก้าอี้นั่งใน Co-Working Space ที่เพิ่มพื้นที่ระยะห่างและมีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ยังพัฒนา Automation Sensor ระบบอัตโนมัติภายในห้องน้ำ เพื่อลดและหลีกเลี่ยงการสัมผัส อาทิ ก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ เครื่องกดโฟมล้างมือ ถังขยะไฟฟ้า และชักโครกไฟฟ้า รวมถึงเครื่องพ่นละอองแอลกอฮอล์ติดตั้งในบริเวณโดยรอบ เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย และความสบายใจในการใช้พื้นที่ส่วนกลาง
สำหรับทุกคน
“ซึ่งการพัฒนาด้วยแนวคิด Sansiri : Made for Life, Made for Well-Being มุ่งพัฒนาบ้านเดี่ยวและ
ทาวน์โฮมเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย ภายใต้การพัฒนาด้าน Product และ Service ทั้ง 4 เรื่อง ได้แก่ Touchless Society / HY(GIENE)Tech sales gallery / Work and Living More Efficiently / More Space & More Privacy experience จะเป็นการพลิกเกมและการเซตมาตรฐานใหม่ให้วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหาความพอดีและลงตัวทั้งในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่าการ “เปลี่ยน” ครั้งนี้ จะเป็น “ตัวจุดประกาย” ที่ทำให้คนเลือกซื้อบ้านแสนสิริ และก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมตามที่วางเป้าหมายไว้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ แสนสิริ ได้วางเป้าหมายโครงการแนวราบในปีนี้อยู่ที่ 17,400 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายโครงการบ้านเดี่ยว 13,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขายทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 4,400 ล้านบาท” นายอาณัติ กล่าวสรุป