รู้จัก‘โรงเรียนทางเลือก’ มีแบบไหน? อยู่ที่ไหนบ้าง?
ในยุคที่คนเจน Y กลายมาเป็นพ่อแม่ การเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย พ่อแม่รุ่น Baby Boomer ก็อาจจะนิยมโรงเรียนเน้นวิชาการ ด้วยหวังจะให้ลูกเข้าโรงเรียนสาธิตฯ พ่อแม่เจน X ก็จะนิยมโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนสองภาษา สามภาษา แต่ในปัจจุบันพ่อแม่ยุคใหม่จำนวนมาก ที่หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ IQ EQ ของลูก ไปพร้อมกับสุขภาพและความสุข มากกว่าจะมุ่งเน้นวิชาการความรู้อย่างเดียว
"โรงเรียนทางเลือก" จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ปกครอง เนื่องด้วยเป็นโรงเรียนที่มีแนวการเรียนการสอนต่างจากโรงเรียนหรือการศึกษากระแสหลัก โดยจะมีการปรับแนวการสอนมาเป็นลักษณะบูรณาการ โดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เด็กจะเรียนรู้จากนอกห้องเรียน จากการลงมือปฏิบัติ ซึ่งโรงเรียนทางเลือกที่มีในปัจจุบัน แต่ละแห่งก็มีปรัชญาและแนวทางแตกต่างกัน เกิดเป็นลักษณะการเรียนการสอนที่ค่อนข้างเฉพาะตัวในแต่ละโรงเรียน วันนี้ ZmyHome เลยจะพาไปรู้จักกับโรงเรียนทางเลือกแต่ละรูปแบบกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? แต่ละแนวทางมีโรงเรียนใดบ้าง? คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจโรงเรียนไหนแล้วคิดว่าอาจต้องย้ายไปอยู่ใกล้โรงเรียน แค่คลิกที่ชื่อโรงเรียนก็สามารถค้นหาประกาศขายบ้านรอบ ๆ โรงเรียนนั้นได้ทันทีเลยครับ
แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Method)
แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี มีความเชื่อว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงควรได้รับการยอมรับ และเติบโตพัฒนาตามธรรมชาติและความสามารถของแต่ละคน เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ของตัวเอง การสอนต้องพัฒนาให้สัมพันธ์กับพัฒนาการ ความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก โรงเรียนมีหน้าที่จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับวัยไว้ให้เด็กได้ตั้งคำถาม เรียนรู้และลงมือทำด้วยตนเอง อย่างเป็นอิสระอยู่ในขอบเขตที่เตรียมเอาไว้ เด็กจะได้สะสมการเรียนรู้ ประสบการณ์ ความจำ และความเข้าใจ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ออกแบบความคิดได้เอง แก้ปัญหาได้เองอย่างสร้างสรรค์ในอนาคต
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี ได้แก่ รร.อนุบาลกรแก้ว, รร.อนุบาลยุวมิตร, รร.อนุบาลบ้านพลอยเพลิน, รร.อนุบาลวรพิม, รร.อนุบาลบ้านวาดฝัน, รร.สมบุญวิทย์ เป็นต้น
แนวการสอนเแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)
แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ เชื่อในมนุษยนิยม ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ จินตนาการ การรักษาสมดุลและจิตวิญญาณความเป็นธรรมชาติของเด็ก เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่าง ๆ เน้นศิลปะ ดนตรี และการเล่น โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก จัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อม และได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดตามจุดแข็งและความสามารถตามธรรมชาติของตัวเองได้
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ ได้แก่ รร.เพลินพัฒนา, รร.ปัญโญทัย, รร.อนุบาลบ้านรัก, รร.ศิริ์รัถยา, รร.ไตรพัฒน์, รร.แสนสนุกไตรทักษะบางมด เป็นต้น
แนวการสอนเแบบเรกจิโอเอมิเลีย (Reggio Emilia)
ปัจจุบันแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา มีความเชื่อว่า เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้และปรารถนาที่จะพัฒนาตนเองมาตั้งแต่กำเนิด และมีวิธีพัฒนาการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปตามวัย มีความอยากรู้อยากเห็น และต้องการที่จะปฏิสัมพันธ์และสื่อสารกับผู้อื่น ผ่านการแสดงออกทางร่างกาย สีหน้า หรือการพูดคุยต่าง ๆ หลักการโดยรวมคือ ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนให้เด็ก ๆ ร่วมกันสำรวจสิ่งรอบตัว ตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้เด็กทุกคนแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา ครูมีหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์และคอยช่วยเหลือ กระตุ้นให้เด็กสนใจและเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อให้เด็กโตขึ้นไปเป็นพลเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อโลก
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบเรกจิโอเอมิเลีย ได้แก่ รร.อนุบาลมณีรัตน์, รร. ณ ดรุณ
กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ (Project Approach)
กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการเรียนรู้แบบเรกจิโอเอมิเลีย เป็นการเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กสืบค้นข้อมูลด้วยตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้ง โดยให้เด็กเลือกทำโครงการตามหัวข้อที่สนใจ มีการรวบรวมข้อมูลและศึกษาจากสิ่งแวดล้อมจริง รวมถึงค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนออย่างเป็นขั้นตอนจนถึงสรุปบทเรียน เป็นวิธีที่สอนให้เด็กรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to Learn) ทำให้สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองไปตลอดชีวิต และยังสอนวิธีการคิดรูปแบบต่างๆ (Learning to Think) ทำให้สามารถพิจารณาข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล นำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้ตามวัย ครูจะมีส่วนช่วยบูรณาการกิจกรรม ภาษาไทย อังกฤษ คณิต วิทย์ สังคม ผนวกเข้ากับกระบวนการเรียนรู้
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ ได้แก่ รร.อนุบาลอมรรัตน์, รร.อนุบาลกุ๊กไก่, รร.อนุบาลแสงโสม, รร.อนุบาลสุดารักษ์, รร.วรรณสว่างจิต
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสท์ (Neo-Humanist Education)
แนวคิดนีโอฮิวแมนนิสท์ มีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่มีพัฒนาการสูงที่สุด มีความต้องการจากภายในที่จะพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด การพัฒนาคนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิสท์จึงมีหน้าที่จะต้องช่วยพัฒนาศักยภาพแฝงเร้นที่มีอยู่ในตัวคนเรา ให้แสดงออกมาได้อย่างสูงสุดในทุก ๆ ด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ วิญญาณ และความรู้ความสามารถ จนกลายเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ การสอนเด็กตามแนวนีโอฮิวแมนนิสท์ เป็นแนวทางในการทำให้เด็กเก่ง ฉลาด แข็งแรง มีความคิดด้านบวก มีน้ำใจ มีความภาคภูมิใจในตัวเอง และมีความสุข
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบนีโอฮิวแมนนิสท์ คือ รร.อมาตยกุล
โรงเรียนวิถีพุทธ
โรงเรียนวิถีพุทธเป็นสถานศึกษาในระบบปกติ ที่นำหลักพุทธธรรมหรือองค์ความรู้ที่เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษา มีแนวทางจัดการสอนโดยเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง มีปรัชญาการสอนให้มองมนุษย์เป็นชีวิต มีลักษณะบูรณาการพุทธธรรมในการเรียนรู้ มีกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบองค์รวม ให้เข้าใจความจริงของชีวิต และดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งต้องมีการพัฒนาด้านศีล สมาธิ และปัญญา รู้จักวิธีปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจของตนเอง รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นกัลยาณมิตรตามหลักทางสายกลาง
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบวิถีพุทธ ได้แก่ รร.รุ่งอรุณ รร.ทอสี, รร.สยามสามไตร
จะเห็นได้ว่าแนวการสอนของโรงเรียนทางเลือกนั้น มีหลากหลายให้คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณาเลือก แต่ทั้งนี้ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น การเดินทาง ค่าใช้จ่าย สภาพแวดล้อม และความพร้อมของเด็กถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome
ข้อมูลจาก : Mood of the Motherhood, ParentsOne, ลงทุนมัม
ภาพประกอบ : SenivPetro via Freepik.com
"โรงเรียนทางเลือก" จึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ปกครอง เนื่องด้วยเป็นโรงเรียนที่มีแนวการเรียนการสอนต่างจากโรงเรียนหรือการศึกษากระแสหลัก โดยจะมีการปรับแนวการสอนมาเป็นลักษณะบูรณาการ โดยให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เด็กจะเรียนรู้จากนอกห้องเรียน จากการลงมือปฏิบัติ ซึ่งโรงเรียนทางเลือกที่มีในปัจจุบัน แต่ละแห่งก็มีปรัชญาและแนวทางแตกต่างกัน เกิดเป็นลักษณะการเรียนการสอนที่ค่อนข้างเฉพาะตัวในแต่ละโรงเรียน วันนี้ ZmyHome เลยจะพาไปรู้จักกับโรงเรียนทางเลือกแต่ละรูปแบบกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? แต่ละแนวทางมีโรงเรียนใดบ้าง? คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจโรงเรียนไหนแล้วคิดว่าอาจต้องย้ายไปอยู่ใกล้โรงเรียน แค่คลิกที่ชื่อโรงเรียนก็สามารถค้นหาประกาศขายบ้านรอบ ๆ โรงเรียนนั้นได้ทันทีเลยครับ
แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori Method)
แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี มีความเชื่อว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงควรได้รับการยอมรับ และเติบโตพัฒนาตามธรรมชาติและความสามารถของแต่ละคน เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ของตัวเอง การสอนต้องพัฒนาให้สัมพันธ์กับพัฒนาการ ความต้องการตามธรรมชาติของเด็ก โรงเรียนมีหน้าที่จัดเตรียมสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับวัยไว้ให้เด็กได้ตั้งคำถาม เรียนรู้และลงมือทำด้วยตนเอง อย่างเป็นอิสระอยู่ในขอบเขตที่เตรียมเอาไว้ เด็กจะได้สะสมการเรียนรู้ ประสบการณ์ ความจำ และความเข้าใจ เพื่อให้สามารถนำมาใช้ออกแบบความคิดได้เอง แก้ปัญหาได้เองอย่างสร้างสรรค์ในอนาคต
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี ได้แก่ รร.อนุบาลกรแก้ว, รร.อนุบาลยุวมิตร, รร.อนุบาลบ้านพลอยเพลิน, รร.อนุบาลวรพิม, รร.อนุบาลบ้านวาดฝัน, รร.สมบุญวิทย์ เป็นต้น
แนวการสอนเแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)
แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ เชื่อในมนุษยนิยม ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ จินตนาการ การรักษาสมดุลและจิตวิญญาณความเป็นธรรมชาติของเด็ก เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่าง ๆ เน้นศิลปะ ดนตรี และการเล่น โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก จัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อม และได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดตามจุดแข็งและความสามารถตามธรรมชาติของตัวเองได้
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ ได้แก่ รร.เพลินพัฒนา, รร.ปัญโญทัย, รร.อนุบาลบ้านรัก, รร.ศิริ์รัถยา, รร.ไตรพัฒน์, รร.แสนสนุกไตรทักษะบางมด เป็นต้น
แนวการสอนเแบบเรกจิโอเอมิเลีย (Reggio Emilia)
ปัจจุบันแพร่หลายในสหรัฐอเมริกา มีความเชื่อว่า เด็กทุกคนสามารถเรียนรู้ได้และปรารถนาที่จะพัฒนาตนเองมาตั้งแต่กำเนิด และมีวิธีพัฒนาการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไปตามวัย มีความอยากรู้อยากเห็น และต้องการที่จะปฏิสัมพันธ์และสื่อสารกับผู้อื่น ผ่านการแสดงออกทางร่างกาย สีหน้า หรือการพูดคุยต่าง ๆ หลักการโดยรวมคือ ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง สนับสนุนให้เด็ก ๆ ร่วมกันสำรวจสิ่งรอบตัว ตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยกันเป็นกลุ่ม เพื่อให้เด็กทุกคนแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา ครูมีหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์และคอยช่วยเหลือ กระตุ้นให้เด็กสนใจและเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อให้เด็กโตขึ้นไปเป็นพลเมืองที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อโลก
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบเรกจิโอเอมิเลีย ได้แก่ รร.อนุบาลมณีรัตน์, รร. ณ ดรุณ
กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ (Project Approach)
กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากการเรียนรู้แบบเรกจิโอเอมิเลีย เป็นการเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กสืบค้นข้อมูลด้วยตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ้ง โดยให้เด็กเลือกทำโครงการตามหัวข้อที่สนใจ มีการรวบรวมข้อมูลและศึกษาจากสิ่งแวดล้อมจริง รวมถึงค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มานำเสนออย่างเป็นขั้นตอนจนถึงสรุปบทเรียน เป็นวิธีที่สอนให้เด็กรู้วิธีการเรียนรู้ (Learning to Learn) ทำให้สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองไปตลอดชีวิต และยังสอนวิธีการคิดรูปแบบต่างๆ (Learning to Think) ทำให้สามารถพิจารณาข้อมูลอย่างมีเหตุมีผล นำมาเปรียบเทียบ วิเคราะห์ และสังเคราะห์ได้ตามวัย ครูจะมีส่วนช่วยบูรณาการกิจกรรม ภาษาไทย อังกฤษ คณิต วิทย์ สังคม ผนวกเข้ากับกระบวนการเรียนรู้
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบโครงการ ได้แก่ รร.อนุบาลอมรรัตน์, รร.อนุบาลกุ๊กไก่, รร.อนุบาลแสงโสม, รร.อนุบาลสุดารักษ์, รร.วรรณสว่างจิต
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสท์ (Neo-Humanist Education)
แนวคิดนีโอฮิวแมนนิสท์ มีความเชื่อเกี่ยวกับมนุษย์ว่าเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่มีพัฒนาการสูงที่สุด มีความต้องการจากภายในที่จะพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด การพัฒนาคนตามแนวคิดนีโอฮิวแมนนิสท์จึงมีหน้าที่จะต้องช่วยพัฒนาศักยภาพแฝงเร้นที่มีอยู่ในตัวคนเรา ให้แสดงออกมาได้อย่างสูงสุดในทุก ๆ ด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ วิญญาณ และความรู้ความสามารถ จนกลายเป็นคนที่พึ่งตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ การสอนเด็กตามแนวนีโอฮิวแมนนิสท์ เป็นแนวทางในการทำให้เด็กเก่ง ฉลาด แข็งแรง มีความคิดด้านบวก มีน้ำใจ มีความภาคภูมิใจในตัวเอง และมีความสุข
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบนีโอฮิวแมนนิสท์ คือ รร.อมาตยกุล
โรงเรียนวิถีพุทธ
โรงเรียนวิถีพุทธเป็นสถานศึกษาในระบบปกติ ที่นำหลักพุทธธรรมหรือองค์ความรู้ที่เป็นคำสอนในพระพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษา มีแนวทางจัดการสอนโดยเอาชีวิตเป็นตัวตั้ง มีปรัชญาการสอนให้มองมนุษย์เป็นชีวิต มีลักษณะบูรณาการพุทธธรรมในการเรียนรู้ มีกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองแบบองค์รวม ให้เข้าใจความจริงของชีวิต และดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งต้องมีการพัฒนาด้านศีล สมาธิ และปัญญา รู้จักวิธีปฏิบัติเพื่อพัฒนาจิตใจของตนเอง รวมถึงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นกัลยาณมิตรตามหลักทางสายกลาง
ตัวอย่างโรงเรียนที่ใช้แนวการสอนแบบวิถีพุทธ ได้แก่ รร.รุ่งอรุณ รร.ทอสี, รร.สยามสามไตร
จะเห็นได้ว่าแนวการสอนของโรงเรียนทางเลือกนั้น มีหลากหลายให้คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณาเลือก แต่ทั้งนี้ควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น การเดินทาง ค่าใช้จ่าย สภาพแวดล้อม และความพร้อมของเด็กถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome
ข้อมูลจาก : Mood of the Motherhood, ParentsOne, ลงทุนมัม
ภาพประกอบ : SenivPetro via Freepik.com