'เอพี ไทยแลนด์' ผู้นำทุ่มเปิด 65 โครงการ 7.8 หมื่นล้าน แตกแบรนด์กินแชร์แนวราบ-หวนคืนตลาดคอนโดฯ
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้น เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับภาวะซบเซา และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคในหลายเซกเตอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราพบว่าความต้องการซื้อและเช่าในตลาดอสังหาฯ ยังมีอยู่ เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์ ซึ่งวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้คล้ายเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ในแง่ที่อสังหาฯ ไม่ได้ถูกทำลายลงไป เพียงแต่ทรานส์ฟอร์มไปตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามสภาวะเวลา
โดยทิศทางการก้าวไปข้างหน้าของเอพี ในปี 2565 นั้น นายวิทการ พูดชัดเจนว่า "จะเป็นปีที่สุดยอดของเอพี กับการพุ่งทะยานไปต่อ BREAKTHROUGH แม้จะเป็นปีที่ท้าทายมาก ๆ แต่ด้วยความสามารถของเราก็พร้อมสร้างความแตกต่าง" เริ่มจากไฮไลต์แรก เป็นปีที่เปิดโครงการใหม่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยตามแผนงานที่ตั้งไว้ถึง 65 โครงการ (ปี 64 เปิด 19 โครงการ) มูลค่ากว่า 78,000 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่มากที่สุดตั้งแต่เคยดำเนินธุรกิจมา แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 25,200 ล้านบาท บ้านเดี่ยว จำนวน 26 โครงการ มูลค่า 35,600 ล้านบาท และการกลับมาของคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากกว่า 182 โครงการ มูลค่ากว่า 149,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 50,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% (ร่วมJV) ที่ 47,000 ล้านบาท ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก 20,000 ล้านบาท (ปี 64 ใช้งบไป 12,600 ล้านบาท)
“การเปิดตัวโครงการใหม่ในปริมาณที่มากขนาดนี้ ถ้าระบบหลังบ้านไม่พร้อมก็ยากที่จะเป็นจริงได้ ซึ่งตลอด 2 ปีของการเผชิญวิกฤต ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีมเอพี ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดโครงสร้างองค์กรภายใน ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว”
ไฮไลต์ที่น่าสนใจต่อในปีนี้ คือ การพลิกวิธีคิดในการพัฒนาทาวน์โฮมในเมืองเครือเอพีใหม่ทั้งหมด เพื่อครองภาพการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม ภายใต้แนวคิด “Unlock ชีวิตคนเมืองกับทาวน์โฮมเอพี พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกได้” ด้วยเป้าหมายการเติบโตที่มากขึ้นกว่า 30% โดย Big Surprise ที่จะมาเขย่าตลาดทาวน์โฮมในทุกเซกเมนต์ ประกอบด้วย
- การเปิดตัว 20 แบบบ้านใหม่ จาก 6 แบรนด์ทาวน์โฮมคุณภาพ
- เตรียมกินแชร์ตลาดบ้านแฝด 3 ชั้นและ 2 ชั้นเพิ่มขึ้น กับแบรนด์บ้านกลางเมือง The Edition และแกรนด์ พลีโน่
- บุกตลาดทาวน์โฮม 2 ชั้นในเขตปริมณฑล ด้วยแบรนด์น้องใหม่ PLENO TOWN เริ่ม 1.89 ล้านบาท
ในส่วนธุรกิจบ้านเดี่ยว ทางเครือเอพีครองความแข็งแกร่งและเติบโตในทุกเซกเมนต์ ด้วยส่วนแบ่งตลาด (Market Share) มากสุดเป็นอันดับ 1 ผ่าน 3 แบรนด์หลัก และในปีนี้พร้อมบุกตลาดใหม่ในพื้นที่เขตปริมณฑล อย่างจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรปราการ เปิดตัวสินค้าใหม่จับกลุ่มตลาดแมส ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งเจาะกลุ่ม Gen M และ Gen Z กับแบบบ้านดีไซน์ใหม่
นอกจากนี้ ยังได้หวนคืนสู่ผู้นำตลาดคอนโดฯ ในเมือง กับแผนเปิดตัว 5 โครงการคุณภาพ มูลค่า 13,000 ล้านบาท ชู ASPIRE เป็นเรือธง (Fighting Brand) หลักบุกลุยตลาดแมส ด้วยจุดยืน LIVE AS YOU ASPIRE ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเริ่มต้น 84,000 บาท/ตร.ม.
"ตลาดคอนโดถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังคงต้องดูในปี 65 ว่า จะกลับมาเติบโตมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าปีนี้จะเริ่มเห็นบางเซกเมนต์ที่ดีขึ้น อย่างเซกเมนต์กลางถึงกลางล่าง การขยายสู่ตลาดแมส จะเปิดโอกาสให้เรามากขึ้น และถ้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิมน่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโดฯ"
โดยความเคลื่อนของยอดขายในช่วงเดือนมกราคมนี้ เอพีสามารถทำได้ 4,500 ล้านบาท หรือสัปดาห์ละ 1,000 ล้านบาท หลักๆ มาจากโครงการแนวราบ 3,700 ล้านบาท และคอนโดฯ ประมาณ 500 ล้านบาท
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา