ข้อควรระวัง 3 ประการ ก่อนรีไฟแนนซ์ คอนโด
โดย Kesara
ZmyHome สวัสดีค่ะทุกท่าน ช่วงนี้หากเราผ่อนบ้านมาสักพักใหญ่ บางคนผ่านมา 1 ปี เห็นอัตราดอกเบี้ยแล้วตกใจ เพราะได้โปรโมชั่นปีแรก 0%, 1% กว่าๆมา หรืออาจะรู้สึกว่าทำไมต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะขึ้นในปีที่ 2 เงินงวดที่จ่ายไปไม่เข้าต้นเลย ก็อาจจะเริ่มคิดว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้ดอกเบี้ยน้อยๆ ตัดต้นเยอะๆใช่มั้ยคะ
วิธีที่สามารถมีทางหนีทีไล่หลังจากครบปีที่ 3 ก็คือการรีไฟแนนซ์ หรือ การทำให้ดอกเบี้ยจ่ายค่าบ้านเราลดลง แต่ว่าการจะ Refinance บ้าน มีอะไรต้องระวังบ้าง วันนี้จะเอามาสรุปให้ฟังคร่าวๆ มีทั้งหมด 3 ข้อ นะคะ
1. ค่าปรับ 3% ทุกธนาคารจะถือกฎระเบียบเดียวกันสำหรับสินเชื่อบ้านคือ ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเงินงวดครบ 3 ปี (36 งวด) ก่อน ถึงจะรีไฟแนนซ์ได้โดยไม่มีค่าปรับ 3% ของเงินต้นที่ทำสัญญา ย้ำว่าเงินต้นที่ทำสัญญาไม่ใช่เงินต้นคงเหลือนะคะ เช่น กู้เงินซื้อบ้าน 1 ล้าน ผ่านไป 2 ปี ผ่อนไปโปะไปด้วยตอนโบนัสออกเงิน ณ สิ้นปีที่ 2 เหลือแค่ 5 แสน มีคนมาติดต่อซื้อบ้าน 1.5 ล้าน อยากขายบ้านได้ไหม? คำตอบคือ”ขายได้” แต่ต้องเสียค่าปรับ 3% ของเงิน 1 ล้านบาท คือ 3 หมื่นบาท เพราะยังไม่ครบ 3 ปีนั่นเอง
2. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ นั่นคือถ้าครบ 3 ปีแล้ว คิดว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่รับไม่ได้จริงๆ ต้องการจะรีไฟแนนซ์ก็จะมีทางออก 2 ทางคือ รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม และ รีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ เราก็จะแนะนำให้ปรึกษากับธนาคารเดิมก่อน เพราะค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าและไม่เสียเวลาดำเนินการ นั่นคือสอบถามกับธนาคารว่ามีดอกเบี้ยพิเศษกับลูกค้าเก่าหรือไม่ แต่ต้องทำยังไงบ้าง (อันนี้นับว่าเป็นไม้แรก) ไม้สองถ้าไม่พอใจเงื่อนไขที่ได้จากธนาคารเดิมก็ย้ายธนาคาร ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเบื่องต้นก็จะมี 1.ค่าประเมินราคา 2.ค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ และ 3. ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินสินเชื่อโดยจ่ายที่สำนักงานที่ดิน
3. ดอกเบี้ยเมื่อจะรีไฟแนนซ์ ลองคิดดูดีๆก่อนว่าดอกเบี้ยที่ได้รับกับธนาคารใหม่หลังรีไฟแนนซ์ไปแล้วคุ้มค่าใช้จ่ายจริงๆหรือไม่ ซึ่งเงื่อนไขแต่ละท่านก็ต่างกัน เช่น บางคนรีไฟแนนซ์แค่เงินต้นคงเหลือ บางคนอยากได้เท่าราคาบ้านเดิมเพราะต้องการส่วนต่างไปใช้จ่าย ดอกเบี้ยส่วนต่างนี้ก็จะสูงกว่าดอกเบี้ยบ้าน และเสียค่าจดจำนองเพิ่ม 1% นอกจากเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีข้างต้นแล้ว การรีไฟแนนซ์ก็ต้องการเอกสารต่างๆ ได้แก่ เอกสารส่วนตัว เอกสารรายได้ปัจจุบัน และ เอกสารเกี่ยวกับบ้านได้แก่ สำเนาโฉนด สำเนาทะเบียนบ้าน สัญญากู้ สัญญาจำนองกับธนาคารเดิม หลักฐานการผ่อนชำระย้อนหลัง 12 งวดหรือ 1 ปี
สุดท้ายนี้ผู้กู้ต้องไม่เคยผิดนัดชำระด้วยจึงจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้นะคะ ^ ^
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
ZmyHome สวัสดีค่ะทุกท่าน ช่วงนี้หากเราผ่อนบ้านมาสักพักใหญ่ บางคนผ่านมา 1 ปี เห็นอัตราดอกเบี้ยแล้วตกใจ เพราะได้โปรโมชั่นปีแรก 0%, 1% กว่าๆมา หรืออาจะรู้สึกว่าทำไมต้องจ่ายดอกเบี้ยเยอะขึ้นในปีที่ 2 เงินงวดที่จ่ายไปไม่เข้าต้นเลย ก็อาจจะเริ่มคิดว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้ดอกเบี้ยน้อยๆ ตัดต้นเยอะๆใช่มั้ยคะ
วิธีที่สามารถมีทางหนีทีไล่หลังจากครบปีที่ 3 ก็คือการรีไฟแนนซ์ หรือ การทำให้ดอกเบี้ยจ่ายค่าบ้านเราลดลง แต่ว่าการจะ Refinance บ้าน มีอะไรต้องระวังบ้าง วันนี้จะเอามาสรุปให้ฟังคร่าวๆ มีทั้งหมด 3 ข้อ นะคะ
1. ค่าปรับ 3% ทุกธนาคารจะถือกฎระเบียบเดียวกันสำหรับสินเชื่อบ้านคือ ผู้กู้ต้องผ่อนชำระเงินงวดครบ 3 ปี (36 งวด) ก่อน ถึงจะรีไฟแนนซ์ได้โดยไม่มีค่าปรับ 3% ของเงินต้นที่ทำสัญญา ย้ำว่าเงินต้นที่ทำสัญญาไม่ใช่เงินต้นคงเหลือนะคะ เช่น กู้เงินซื้อบ้าน 1 ล้าน ผ่านไป 2 ปี ผ่อนไปโปะไปด้วยตอนโบนัสออกเงิน ณ สิ้นปีที่ 2 เหลือแค่ 5 แสน มีคนมาติดต่อซื้อบ้าน 1.5 ล้าน อยากขายบ้านได้ไหม? คำตอบคือ”ขายได้” แต่ต้องเสียค่าปรับ 3% ของเงิน 1 ล้านบาท คือ 3 หมื่นบาท เพราะยังไม่ครบ 3 ปีนั่นเอง
2. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ นั่นคือถ้าครบ 3 ปีแล้ว คิดว่าดอกเบี้ยที่จ่ายอยู่รับไม่ได้จริงๆ ต้องการจะรีไฟแนนซ์ก็จะมีทางออก 2 ทางคือ รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม และ รีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ เราก็จะแนะนำให้ปรึกษากับธนาคารเดิมก่อน เพราะค่าใช้จ่ายจะน้อยกว่าและไม่เสียเวลาดำเนินการ นั่นคือสอบถามกับธนาคารว่ามีดอกเบี้ยพิเศษกับลูกค้าเก่าหรือไม่ แต่ต้องทำยังไงบ้าง (อันนี้นับว่าเป็นไม้แรก) ไม้สองถ้าไม่พอใจเงื่อนไขที่ได้จากธนาคารเดิมก็ย้ายธนาคาร ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเบื่องต้นก็จะมี 1.ค่าประเมินราคา 2.ค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ และ 3. ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินสินเชื่อโดยจ่ายที่สำนักงานที่ดิน
3. ดอกเบี้ยเมื่อจะรีไฟแนนซ์ ลองคิดดูดีๆก่อนว่าดอกเบี้ยที่ได้รับกับธนาคารใหม่หลังรีไฟแนนซ์ไปแล้วคุ้มค่าใช้จ่ายจริงๆหรือไม่ ซึ่งเงื่อนไขแต่ละท่านก็ต่างกัน เช่น บางคนรีไฟแนนซ์แค่เงินต้นคงเหลือ บางคนอยากได้เท่าราคาบ้านเดิมเพราะต้องการส่วนต่างไปใช้จ่าย ดอกเบี้ยส่วนต่างนี้ก็จะสูงกว่าดอกเบี้ยบ้าน และเสียค่าจดจำนองเพิ่ม 1% นอกจากเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีข้างต้นแล้ว การรีไฟแนนซ์ก็ต้องการเอกสารต่างๆ ได้แก่ เอกสารส่วนตัว เอกสารรายได้ปัจจุบัน และ เอกสารเกี่ยวกับบ้านได้แก่ สำเนาโฉนด สำเนาทะเบียนบ้าน สัญญากู้ สัญญาจำนองกับธนาคารเดิม หลักฐานการผ่อนชำระย้อนหลัง 12 งวดหรือ 1 ปี
สุดท้ายนี้ผู้กู้ต้องไม่เคยผิดนัดชำระด้วยจึงจะสามารถรีไฟแนนซ์ได้นะคะ ^ ^
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
