เมื่อ EIA ล่ม ผู้ซื้อจะทำอย่างไรได้บ้าง
โดย นิธิพันธ์ ZmyHome
EIA (Environmental Impact Assessment) หรือ “การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” คือด่านสำคัญที่หลายโครงการอาจข้ามด่านนี้ไปไม่ได้ ทำให้โครงการต้องปรับปรุงรูปแบบครั้งใหญ่ซึ่งทำให้ตึกหรือห้องที่เราจองอาจหายวับไปในพริบตา รูปแบบของอาคารไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ หรืออาจถึงขั้นก่อสร้างไม่ได้เลย ผู้ซื้อโครงการที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ EIA จึงเป็นผู้มีส่วนร่วมในการรับความเสี่ยงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย อันที่จริงในสัญญาซื้อขายที่เราทำไว้กับโครงการจะมีการระบุเงื่อนไขไว้แล้วว่าหากโครงการไม่สามารถก่อสร้างได้ตามกำหนดจะมีการคืนเงินและชดเชยกันอย่างไร
ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นหากทราบแน่ชัดว่าโครงการที่เราซื้อไม่ผ่านการอนุมัติ EIA แน่นอนแล้วให้เราติดต่อกับทางโครงการว่าจะมีการคืนเงินให้เมื่อไหร่ และคิดอัตราดอกเบี้ยอย่างไร หากติดต่อแล้วไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็คงต้องดำเนินการขั้นต่อไป คือการคุยกันด้วยสัญญา เพียงแต่ขั้นตอนนี้จะมีความยุ่งยากซับซ้อนทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องการผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเข้ามาช่วย การได้รับคำปรึกษากับทนายจึงเป็นเรื่องจำเป็น ถึงตอนนี้แล้วผู้ซื้อจึงควรรวมตัวกัน ในกรณีแบบนี้ผู้เดือดร้อนเสียหายไม่ได้มีเราเพียงคนเดียว การรวมตัวและข้อมูลจากผู้ซื้อหลายๆคน จะช่วยเพิ่มพลังกดดันให้ทางเจ้าของโครงการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงประเด็นขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อมีคำปรึกษาจากทนายร่วมด้วย ในขณะเดียวกัน หากพบว่ามีการผิดสัญญาจากที่ได้ระบุไว้ หรือแม้ไม่ได้ระบุไว้แต่มีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ก็สามารถติดต่อกับทาง สคบ. (สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค/โทร 1166) ได้อีกทาง และสุดท้าย การรวมพลังกดดันทาง Social Network ก็เป็นการกดดันอีกทางสำหรับสังคมยุคนี้ โดยเฉพาะเจ้าของโครงการที่คาดหวังภาพลักษณ์โครงการในระยะยาว แล้วคนกลุ่มไหนเสียหายหนักสุดเมื่อโครงการไม่ผ่าน EIA โดยปกติเมื่อโครงการไม่ผ่าน EIA จะมีการคืนเงินให้กับผู้ซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญา หากเราติดต่อซื้อตามขั้นตอนปกติย่อมได้รับเงินครบตามจำนวนในสัญญาพร้อมดอกเบี้ย
แต่สำหรับผู้ที่ทำการซื้อใบจองต่อจากผู้จองคนอื่น แล้วมีค่าส่วนต่างจากการซื้อใบจองต่อ จะไม่มีสิทธิ์ได้รับคืนค่าส่วนต่างนี้ เพราะเป็นการตกลงกันอีกทอดระหว่างผู้ซื้อกับผู้ซื้อต่อเอง ผู้ซื้อต่อจะต้องรับภาระตรงนี้ไปทั้งหมดโดยไม่สามารถเรียกร้องกับใครได้ การซื้อใบจองในราคาที่สูงกว่าราคาโครงการจึงเป็นภาระความเสี่ยงที่มากขึ้นสำหรับโครงการที่ยังไม่ผ่าน EIA
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
EIA (Environmental Impact Assessment) หรือ “การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม” คือด่านสำคัญที่หลายโครงการอาจข้ามด่านนี้ไปไม่ได้ ทำให้โครงการต้องปรับปรุงรูปแบบครั้งใหญ่ซึ่งทำให้ตึกหรือห้องที่เราจองอาจหายวับไปในพริบตา รูปแบบของอาคารไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ หรืออาจถึงขั้นก่อสร้างไม่ได้เลย ผู้ซื้อโครงการที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ EIA จึงเป็นผู้มีส่วนร่วมในการรับความเสี่ยงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไปด้วย อันที่จริงในสัญญาซื้อขายที่เราทำไว้กับโครงการจะมีการระบุเงื่อนไขไว้แล้วว่าหากโครงการไม่สามารถก่อสร้างได้ตามกำหนดจะมีการคืนเงินและชดเชยกันอย่างไร
ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย เพราะฉะนั้นหากทราบแน่ชัดว่าโครงการที่เราซื้อไม่ผ่านการอนุมัติ EIA แน่นอนแล้วให้เราติดต่อกับทางโครงการว่าจะมีการคืนเงินให้เมื่อไหร่ และคิดอัตราดอกเบี้ยอย่างไร หากติดต่อแล้วไม่เป็นที่น่าพอใจ ก็คงต้องดำเนินการขั้นต่อไป คือการคุยกันด้วยสัญญา เพียงแต่ขั้นตอนนี้จะมีความยุ่งยากซับซ้อนทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องการผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเข้ามาช่วย การได้รับคำปรึกษากับทนายจึงเป็นเรื่องจำเป็น ถึงตอนนี้แล้วผู้ซื้อจึงควรรวมตัวกัน ในกรณีแบบนี้ผู้เดือดร้อนเสียหายไม่ได้มีเราเพียงคนเดียว การรวมตัวและข้อมูลจากผู้ซื้อหลายๆคน จะช่วยเพิ่มพลังกดดันให้ทางเจ้าของโครงการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและตรงประเด็นขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อมีคำปรึกษาจากทนายร่วมด้วย ในขณะเดียวกัน หากพบว่ามีการผิดสัญญาจากที่ได้ระบุไว้ หรือแม้ไม่ได้ระบุไว้แต่มีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น ก็สามารถติดต่อกับทาง สคบ. (สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค/โทร 1166) ได้อีกทาง และสุดท้าย การรวมพลังกดดันทาง Social Network ก็เป็นการกดดันอีกทางสำหรับสังคมยุคนี้ โดยเฉพาะเจ้าของโครงการที่คาดหวังภาพลักษณ์โครงการในระยะยาว แล้วคนกลุ่มไหนเสียหายหนักสุดเมื่อโครงการไม่ผ่าน EIA โดยปกติเมื่อโครงการไม่ผ่าน EIA จะมีการคืนเงินให้กับผู้ซื้อตามที่ระบุไว้ในสัญญา หากเราติดต่อซื้อตามขั้นตอนปกติย่อมได้รับเงินครบตามจำนวนในสัญญาพร้อมดอกเบี้ย
แต่สำหรับผู้ที่ทำการซื้อใบจองต่อจากผู้จองคนอื่น แล้วมีค่าส่วนต่างจากการซื้อใบจองต่อ จะไม่มีสิทธิ์ได้รับคืนค่าส่วนต่างนี้ เพราะเป็นการตกลงกันอีกทอดระหว่างผู้ซื้อกับผู้ซื้อต่อเอง ผู้ซื้อต่อจะต้องรับภาระตรงนี้ไปทั้งหมดโดยไม่สามารถเรียกร้องกับใครได้ การซื้อใบจองในราคาที่สูงกว่าราคาโครงการจึงเป็นภาระความเสี่ยงที่มากขึ้นสำหรับโครงการที่ยังไม่ผ่าน EIA
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
