ซื้อบ้านหลังแรกเมื่อไหร่ดี...เรียนจบแล้วซื้อเลยดีไหม?
ในภาวะเศรษฐกิจดี๊...ดีแบบที่รัฐบาลการันตี เหล่าบัณฑิตจบใหม่หน้าใสไฟแรงคงนึกอยู่ในใจว่า เศรษฐกิจแบบนี้ซื้อบ้าน ผ่อนคอนโดเลยดีไหมนะ ซื้อตอนนี้ผ่อนบ้านหมดก่อนเกษียณแน่นอน
แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งวู่วาม ก่อนจะซื้อหาสิ่งของ สิ่งหนึ่งที่ต้องตรวจตราให้แน่ใจเลยก็คือ เงินในกระเป๋า แม้ว่าโครงการบ้าน โครงการคอนโดจะมีโปรโมชั่นยั่วใจ ไม่ว่าจะเป็น ดาวน์ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ผ่อนดาวน์ 10 เดือน ซื้อวันนี้ฟูลเฟอร์นิเจอร์ ติดรถไฟฟ้าสองสาย ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สนามบิน เราก็ต้องใจเย็น ๆ ตั้งสติ อย่าใจเร็วด่วนได้ ลองเช็กสถานะทางการเงินว่าปัจจุบันเรามีเงินเหลือเก็บเท่าไหร่ ใช้จ่ายเป็นอย่างไรบ้าง เงินเดือนเพียงพอกับค่าครองชีพหรือไม่ แม้ช่วงจบใหม่ภาระหนี้สินยังไม่พอกพูน เพราะบางคนโชคดีไม่ต้องรับผิดชอบภาระทางบ้าน แต่เมื่อเราเริ่มต้นจากหนี้สินก้อนใหญ่อย่างบ้านก็ทำให้การใช้จ่ายสะดุดได้เหมือนกัน
ทำไมต้องเช็กเงินในกระเป๋า...?
คำตอบคือ เพราะ ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะปล่อยให้เรากู้ไม่เกินร้อยละ 90 ที่เหลืออีกร้อยละ 10 เราจึงต้องเตรียมตัวไว้ก่อน แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องมีเงินสำรองไว้ประมาณร้อยละ 20 ของราคาบ้านที่เราต้องการ โครงการไหนยังสร้างไม่เสร็จ อาจให้เราผ่อนดาวน์ได้ แต่ถ้าสร้างเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อีกก้อนประมาณร้อยละ 10 และอย่าลืมค่าธรรมเนียมภาษีต่าง ๆ อีกจิปาถะ ไหนจะค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ เรียกได้ว่า อย่างน้อยต้องมีเงินเก็บประมาณร้อยละ 20-30 ของราคาบ้านที่เราต้องการ จึงจะวางใจ แล้วค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนก็ไม่ควรเกินร้อยละ 35 ของรายได้สุทธิ เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับหนี้สินก้อนอื่นๆ เช่น ค่าผ่อนรถ ที่สำคัญอย่าลืมเงินเก็บสักก้อนเผื่อฉุกเฉินในกรณีที่เราตกงานด้วยนะ
แค่คิดถึงอนาคตก็ต้องเตรียมตัวยิบย่อยเต็มไปหมด อย่าเพิ่งเป็นลมหรือถอดใจเป็นเสียก่อน อย่างแรกที่เราต้องทำคือ ทำบัญชีงบประมาณรายรับ-รายจ่ายประจำเดือน ต้องลงบัญชีที่เกิดขึ้นจริงเพื่อไว้พิจารณาวางแผนการเงินกันต่อไป หากใครมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงก็ต้องปรับปรุงพฤติกรรม ลด ละ เลิก ซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อของที่แพงเกินตัว ไม่รูดบัตรเครดิตหากไม่สามารถจ่ายครบในแต่ละเดือนได้ ต้องรู้จักควบคุมตนเอง เพราะถ้าคุมไม่อยู่ เงินเก็บไม่มี สินทรัพย์ไม่ปรากฏแน่นอน
อ้าววว...ถ้าอย่างนั้น ซื้อบ้านแล้ว เราก็ต้องเก็บหอมรอมริบงดเที่ยว งดปาร์ตี้สังสรรค์ อดซื้อของสนอง Need เลยใช่หรือไม่
ZmyHome อยากจะบอกว่า ไม่ใช่เลยครับ เพียงแค่เราต้องปรับพฤติกรรมเพื่ออนาคต เราจะเที่ยว เราจะสังสรรค์ ก็ต้องกันเงินออม และรายจ่ายออกมาก่อน เงินที่เหลือเราจึงจะใช้ได้ อยากจะเที่ยว อยากจะปาร์ตี้ แฮงก์เอ้าต์ บ่อยแค่ไหน ตราบใดที่เรามีเงินในส่วนนี้แล้วก็ใช้ได้ตามสบาย อย่ารูดปื้ดรูดปื้ด หยิบเงินในอนาคตมาใช้ หรือหยิบเงินเก็บมาใช้ก่อน เดี๋ยวเดือนหน้าค่อยใส่เพิ่ม ไม่อย่างนั้นทำงานสิบปีก็ก็เก็บไม่ได้หรอกขอรับ
เช็กตัวเองเสร็จแล้ว ใครพร้อมยกมือขึ้น!!
เคล็ดลับนี้ ZmyHome ไม่หวง แล้วไม่จำกัดเฉพาะเด็กจบใหม่ไฟแรงเฟร่ออออด้วยนะ ใครที่พร้อมจะมองหาอนาคตก็นำไปใช้กันได้ ที่สำคัญใครมองหาที่อยู่ ลองมาท่องเว็บไซต์ ZmyHome.com ครบ จบเรื่องที่อยู่อาศัย หาได้ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งวู่วาม ก่อนจะซื้อหาสิ่งของ สิ่งหนึ่งที่ต้องตรวจตราให้แน่ใจเลยก็คือ เงินในกระเป๋า แม้ว่าโครงการบ้าน โครงการคอนโดจะมีโปรโมชั่นยั่วใจ ไม่ว่าจะเป็น ดาวน์ศูนย์เปอร์เซ็นต์ ผ่อนดาวน์ 10 เดือน ซื้อวันนี้ฟูลเฟอร์นิเจอร์ ติดรถไฟฟ้าสองสาย ใกล้ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สนามบิน เราก็ต้องใจเย็น ๆ ตั้งสติ อย่าใจเร็วด่วนได้ ลองเช็กสถานะทางการเงินว่าปัจจุบันเรามีเงินเหลือเก็บเท่าไหร่ ใช้จ่ายเป็นอย่างไรบ้าง เงินเดือนเพียงพอกับค่าครองชีพหรือไม่ แม้ช่วงจบใหม่ภาระหนี้สินยังไม่พอกพูน เพราะบางคนโชคดีไม่ต้องรับผิดชอบภาระทางบ้าน แต่เมื่อเราเริ่มต้นจากหนี้สินก้อนใหญ่อย่างบ้านก็ทำให้การใช้จ่ายสะดุดได้เหมือนกัน
ทำไมต้องเช็กเงินในกระเป๋า...?
คำตอบคือ เพราะ ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะปล่อยให้เรากู้ไม่เกินร้อยละ 90 ที่เหลืออีกร้อยละ 10 เราจึงต้องเตรียมตัวไว้ก่อน แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ต้องมีเงินสำรองไว้ประมาณร้อยละ 20 ของราคาบ้านที่เราต้องการ โครงการไหนยังสร้างไม่เสร็จ อาจให้เราผ่อนดาวน์ได้ แต่ถ้าสร้างเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อีกก้อนประมาณร้อยละ 10 และอย่าลืมค่าธรรมเนียมภาษีต่าง ๆ อีกจิปาถะ ไหนจะค่าตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ เรียกได้ว่า อย่างน้อยต้องมีเงินเก็บประมาณร้อยละ 20-30 ของราคาบ้านที่เราต้องการ จึงจะวางใจ แล้วค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนก็ไม่ควรเกินร้อยละ 35 ของรายได้สุทธิ เพราะต้องเผื่อไว้สำหรับหนี้สินก้อนอื่นๆ เช่น ค่าผ่อนรถ ที่สำคัญอย่าลืมเงินเก็บสักก้อนเผื่อฉุกเฉินในกรณีที่เราตกงานด้วยนะ
แค่คิดถึงอนาคตก็ต้องเตรียมตัวยิบย่อยเต็มไปหมด อย่าเพิ่งเป็นลมหรือถอดใจเป็นเสียก่อน อย่างแรกที่เราต้องทำคือ ทำบัญชีงบประมาณรายรับ-รายจ่ายประจำเดือน ต้องลงบัญชีที่เกิดขึ้นจริงเพื่อไว้พิจารณาวางแผนการเงินกันต่อไป หากใครมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงก็ต้องปรับปรุงพฤติกรรม ลด ละ เลิก ซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อของที่แพงเกินตัว ไม่รูดบัตรเครดิตหากไม่สามารถจ่ายครบในแต่ละเดือนได้ ต้องรู้จักควบคุมตนเอง เพราะถ้าคุมไม่อยู่ เงินเก็บไม่มี สินทรัพย์ไม่ปรากฏแน่นอน
อ้าววว...ถ้าอย่างนั้น ซื้อบ้านแล้ว เราก็ต้องเก็บหอมรอมริบงดเที่ยว งดปาร์ตี้สังสรรค์ อดซื้อของสนอง Need เลยใช่หรือไม่
ZmyHome อยากจะบอกว่า ไม่ใช่เลยครับ เพียงแค่เราต้องปรับพฤติกรรมเพื่ออนาคต เราจะเที่ยว เราจะสังสรรค์ ก็ต้องกันเงินออม และรายจ่ายออกมาก่อน เงินที่เหลือเราจึงจะใช้ได้ อยากจะเที่ยว อยากจะปาร์ตี้ แฮงก์เอ้าต์ บ่อยแค่ไหน ตราบใดที่เรามีเงินในส่วนนี้แล้วก็ใช้ได้ตามสบาย อย่ารูดปื้ดรูดปื้ด หยิบเงินในอนาคตมาใช้ หรือหยิบเงินเก็บมาใช้ก่อน เดี๋ยวเดือนหน้าค่อยใส่เพิ่ม ไม่อย่างนั้นทำงานสิบปีก็ก็เก็บไม่ได้หรอกขอรับ
เช็กตัวเองเสร็จแล้ว ใครพร้อมยกมือขึ้น!!
เคล็ดลับนี้ ZmyHome ไม่หวง แล้วไม่จำกัดเฉพาะเด็กจบใหม่ไฟแรงเฟร่ออออด้วยนะ ใครที่พร้อมจะมองหาอนาคตก็นำไปใช้กันได้ ที่สำคัญใครมองหาที่อยู่ ลองมาท่องเว็บไซต์ ZmyHome.com ครบ จบเรื่องที่อยู่อาศัย หาได้ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
