Retention หรือ Refinance จะผ่อนบ้านต่อไปแบบไหนดี?
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่แต่ละธนาคารกำหนด ตามปกติจะพบว่าเมื่อผ่านพ้นปีที่ 3 เข้าสู่ปีที่ 4 ดอกเบี้ยมักจะกลายเป็นอัตราลอยตัว กระโดดสูงขึ้นกว่าสามปีแรกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อผู้กู้ผ่อนบ้านมาครบ 3 ปี แล้วไม่ต้องการจะจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงนั้น ก็จะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ก็คือ Retention กับ Refinance แล้วสองสิ่งนี้ต่างกันอย่างไรล่ะ? วันนี้ ZmyHome มีคำตอบครับ
รีเทนชั่น (Retention) คือ การเข้าไปเจรจาต่อรองขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมที่ผ่อนอยู่ หรือจะเรียกว่า "แต่ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม" ก็ได้ครับ โดยธนาคารจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระที่ผ่านมาของผู้กู้ ซึ่งถ้าธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่าประวัติดีไม่มีจ่ายช้า ก็อาจยอมปรับลดดอกเบี้ยให้ โดยมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 1-2 % จากยอดกู้เดิม ทั้งนี้แต่ละธนาคารก็จะมีนโยบายแต่กต่างกันนะครับ
ส่วน รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การนำที่อยู่อาศัยที่ผู้กู้ผ่อนชำระอยู่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอสินเชื่อใหม่มาปิดหนี้ยอดเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ มักถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิมมาก ก็เนื่องจากธนาคารต้องการช่วงชิงลูกค้าสินเชื่อจากธนาคารอื่น จึงทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างธนาคาร ทำให้เป็นวิธีที่คนนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีตัวเลือกมากมาย และเงินที่ผ่อนแต่ละเดือนก็จะไปตัดเงินต้นมากขึ้น และผ่อนหมดเร็วขึ้นนั่นเอง
หากเปรียบเทียบกันเพียงอัตราดอกเบี้ย แน่นอนว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงได้มาก แต่การขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง คือผู้กู้ไม่เสียเวลาในการทำรีไฟแนนซ์นั่นเอง ซึ่งก็ไม่ต่างกับการยื่นกู้ใหม่ ที่ต้องหาต้องเปรียบเทียบ เตรียมเอกสารมากมาย มีค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ 0-1 % ของวงเงินกู้ใหม่, ค่าจดจำนอง 1% ของราคาประเมิน, ค่าประเมินประมาณ 3,000 บาท, ค่าประกันอัคคีภัยอีกประมาณ 2,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ต้องจ่ายเพิ่ม แล้วยังต้องรอลุ้นว่าธนาคารจะอนุมัติให้กู้ผ่านหรือไม่อีกหลายวัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ก็อาจทำให้หลายคนถอดใจไปเหมือนกัน
การพิจารณาว่าเราควรจะรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์นั้น นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว ยอดหนี้คงเหลือก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากผู้กู้เหลือยอดหนี้ไม่มากแล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่าง แต่ถ้ายอดหนี้ยังมากเป็นหลักล้าน การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยไปเป็นแสนทีเดียวครับ
ดังนั้น ในช่วงที่ยอดกู้ยังสูงเกินล้านและสูงกว่าราคาประเมินทรัพย์สิน เราแนะนำว่าผู้กู้ควรจะรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3 ปี จนเมื่อยอดหนี้เหลือเป็นหลักแสนและราคาประเมินเพิ่มสูงขึ้นจนไล่ทันยอดกู้แล้ว จึงไปขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมครับ
ยังไงก็ลองไปเปรียบเทียบโปรโมชั่นและคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ละแบบกันดูครับ ขอให้คุณประหยัดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายให้ได้มาก ๆ นะครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome
รีเทนชั่น (Retention) คือ การเข้าไปเจรจาต่อรองขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมที่ผ่อนอยู่ หรือจะเรียกว่า "แต่ฉันอยากเริ่มต้นใหม่กับคนเดิม" ก็ได้ครับ โดยธนาคารจะตรวจสอบประวัติการผ่อนชำระที่ผ่านมาของผู้กู้ ซึ่งถ้าธนาคารพิจารณาแล้วเห็นว่าประวัติดีไม่มีจ่ายช้า ก็อาจยอมปรับลดดอกเบี้ยให้ โดยมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 1-2 % จากยอดกู้เดิม ทั้งนี้แต่ละธนาคารก็จะมีนโยบายแต่กต่างกันนะครับ
ส่วน รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การนำที่อยู่อาศัยที่ผู้กู้ผ่อนชำระอยู่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอสินเชื่อใหม่มาปิดหนี้ยอดเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ มักถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิมมาก ก็เนื่องจากธนาคารต้องการช่วงชิงลูกค้าสินเชื่อจากธนาคารอื่น จึงทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างธนาคาร ทำให้เป็นวิธีที่คนนิยมมากในปัจจุบัน เพราะมีตัวเลือกมากมาย และเงินที่ผ่อนแต่ละเดือนก็จะไปตัดเงินต้นมากขึ้น และผ่อนหมดเร็วขึ้นนั่นเอง
หากเปรียบเทียบกันเพียงอัตราดอกเบี้ย แน่นอนว่าการรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ดอกเบี้ยลดลงได้มาก แต่การขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง คือผู้กู้ไม่เสียเวลาในการทำรีไฟแนนซ์นั่นเอง ซึ่งก็ไม่ต่างกับการยื่นกู้ใหม่ ที่ต้องหาต้องเปรียบเทียบ เตรียมเอกสารมากมาย มีค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ 0-1 % ของวงเงินกู้ใหม่, ค่าจดจำนอง 1% ของราคาประเมิน, ค่าประเมินประมาณ 3,000 บาท, ค่าประกันอัคคีภัยอีกประมาณ 2,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ต้องจ่ายเพิ่ม แล้วยังต้องรอลุ้นว่าธนาคารจะอนุมัติให้กู้ผ่านหรือไม่อีกหลายวัน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ก็อาจทำให้หลายคนถอดใจไปเหมือนกัน
การพิจารณาว่าเราควรจะรีเทนชั่นหรือรีไฟแนนซ์นั้น นอกจากอัตราดอกเบี้ยแล้ว ยอดหนี้คงเหลือก็เป็นปัจจัยสำคัญ หากผู้กู้เหลือยอดหนี้ไม่มากแล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่าง แต่ถ้ายอดหนี้ยังมากเป็นหลักล้าน การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยไปเป็นแสนทีเดียวครับ
ดังนั้น ในช่วงที่ยอดกู้ยังสูงเกินล้านและสูงกว่าราคาประเมินทรัพย์สิน เราแนะนำว่าผู้กู้ควรจะรีไฟแนนซ์ทุก ๆ 3 ปี จนเมื่อยอดหนี้เหลือเป็นหลักแสนและราคาประเมินเพิ่มสูงขึ้นจนไล่ทันยอดกู้แล้ว จึงไปขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมครับ
ยังไงก็ลองไปเปรียบเทียบโปรโมชั่นและคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ละแบบกันดูครับ ขอให้คุณประหยัดดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายให้ได้มาก ๆ นะครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
ผู้เขียน : จเร ZmyHome
