ลงทุนคอนโด จะซื้อชั้นต่ำหรือสูงดี
โดย ณัฐพล ZmyHome
คอนโดมิเนียมที่เป็นที่อยู่อาศัยที่มีหลายชั้น และแน่นอน เมื่อถึงตอนที่จะต้องตัดสินใจ เรามักจะลังเลว่าเราควรจะซื้อชั้นสูง หรือชั้นเตี้ย เพราะชั้นล่างๆ ถูกกว่า ย่ิงถ้าเป็นคอนโดระดับบน บางทีราคาอาจต่างกันหลายแสน หรือเป็นล้าน ส่วนชั้นบนวิวสวยกว่า แต่แน่นอนราคาก็แพงกว่าด้วย แล้วตอนขายจะมีกำไรหรือเปล่า ZmyHome มีคำแนะนำในการเลือกชั้น แยกตามลักษณะความสูงอาคาร และถือว่าผู้ซื้อมีวัตถุประสงค์หลักคือการซื้อเพื่อการลงทุน ที่มองเรื่องผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการปล่อยเช่าและความซื้อง่ายขายคล่อง โดยไม่รวมถึงผู้ทีต้องการซื้อชั้นสูงพิเศษ เพื่อความพอใจส่วนตัว นะครับ
1. อาคารสูงกว่า 30 ชั้น สำหรับอาคารที่มีความสูงมากๆ ตั้งแต่ 30 ชั้น ขึ้นไป แนะนำให้เลือกซื้อห้องระหว่างชั้น 10-20 เพราะความสูงดังกล่าว เพียงพอที่จะได้วิวที่สูงพอสมควรและไม่โดนบัง และไม่ได้มีภาพลักษณ์ด้อย (ผู้ซื้อบางคนอาจรู้สึกว่าห้องชุดชั้นล่างๆ โดยเฉพาะที่มีเลขตัวเดียว มีภาพลักษณ์ด้อยกว่าห้องชุดชั้นบน) ถ้าจะให้สวยอาจจะอยู่ระหว่างชั้น 15-19 แต่ถ้าเป็นอาคารที่ไม่มีตึกรอบๆ บัง จะเลือกซื้อประมาณชั้น 11-12 ก็ใช้ได้แล้ว สำหรับผู้ที่จะซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า บริษัทญี่ปุ่นบางแห่งไม่อนุญาตให้พนักงานพักอาศัยสูงกว่าชั้น 20 ขึ้นไป ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นคอนโดระหว่างชั้น 10-20 นอกจากจะได้ผลตอบแทนการเช่าดีแล้ว ก็ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องข้อห้ามเหล่านี้ด้วย
2. อาคารสูง 8-25 ชั้น กลุ่มถัดมาจะเป็นคอนโดที่มีความสูงปานกลางคือสูงกว่า 8 ขั้น แต่ไม่เกิน 30 ชั้น หลักการเลือกจริงๆ ยังคล้ายกับอาคารสูง แต่อาจเลือกกลุ่มที่อยู่กลางๆ มากขึ้นคืออยู่ระหว่างชั้น 10-15 เพราะชั้นที่อยู่บนๆ จะมีต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อจะขายต่อ ถ้าห้องชุดที่อยู่ระหว่างชั้นดังกล่าวขายหมดแล้ว เราอาจเลือกชั้นที่สูงขึ้นหรือต่ำลงไปเล็กน้อย เช่น 16-17 หรือจะเป็นเลขตัวเดียวสวยๆ อย่างชั้น 8-9 ก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ให้ดูกลุ่มผู้ซื้อโดยรวมของโครงการเป็นหลักถ้าโครงการเน้นกลุ่มรายได้ปานกลาง เราอาจเลือกห้องชั้น 8-9 เพื่อให้ต้นทุนต่ำและขายต่อง่ายกว่า แต่ถ้าหากโครงการตั้งราคาขายสูงและอยู่ในทำเลที่ดี เราอาจจะเลือกห้องที่อยู่ชั้นบน เพราะดีมานด์มีกำลังซื้อและต้องการของดีมากกว่าราคาถูกแถมเล็กน้อย
สำหรับโครงการที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ที่ผู้ซื้ออาจะเป็นผู้ปกครองของนักศึกษาที่มาจากต่างจังหวัด เราอาจไม่ต้องเลือกห้องที่อยู่สูงมาก จะเป็นครึ่งล่างของโครงการเลยก็ได้ เพราะ
1) ผู้ซื้อมองว่าเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวต้องการให้ซื้อง่ายขายง่าย
2) คนต่างจังหวัดไม่คุ้นเคยกับการอยู่ชั้นสูงๆ
3) เรื่องความปลอดภัย เช่น การตกจากที่สูง และการหลบหนีเมื่อเกิดอัคคีภัย
3. อาคารเตี้ยกว่า 8 ชั้น คอนโดที่สูงน้อยกว่า 8 ชั้น หรือที่หลายๆ คนชอบเรียกว่า คอนโด Low-rise ห้องชุดที่ได้รับความนิยมมักจะสูงตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป เพราะถึอว่าเป็นครึ่งบนของโครงการ บางคนอาจจะชอบเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 5 เพราะผู้ซื้อบางคนไม่ชอบเลข 4 นอกจากนี้คอนโดที่อยู่ชั้น 2-3 อาจจะถูกบ้านที่อยู่ข้างๆ บังง่ายกว่า โดยการเลือกชั้นเพื่อที่จะ “ลงทุน” ทั้งหมดมีหลักการอยู่ที่
1) ดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ
2) ราคาสามารถแข่งขันได้กับห้องอื่นๆ ในโครงการเมื่อจะขายต่อ
3) ไม่เลือกชั้นที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นข้อด้อย
ครั้งหน้าเราจะมาพูดเรื่อง เลือกห้องในโครงการ เลือกห้องแพงสิ ไว้มารออ่านกันนะครับว่าทำไม
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
คอนโดมิเนียมที่เป็นที่อยู่อาศัยที่มีหลายชั้น และแน่นอน เมื่อถึงตอนที่จะต้องตัดสินใจ เรามักจะลังเลว่าเราควรจะซื้อชั้นสูง หรือชั้นเตี้ย เพราะชั้นล่างๆ ถูกกว่า ย่ิงถ้าเป็นคอนโดระดับบน บางทีราคาอาจต่างกันหลายแสน หรือเป็นล้าน ส่วนชั้นบนวิวสวยกว่า แต่แน่นอนราคาก็แพงกว่าด้วย แล้วตอนขายจะมีกำไรหรือเปล่า ZmyHome มีคำแนะนำในการเลือกชั้น แยกตามลักษณะความสูงอาคาร และถือว่าผู้ซื้อมีวัตถุประสงค์หลักคือการซื้อเพื่อการลงทุน ที่มองเรื่องผลตอบแทนที่เหมาะสมจากการปล่อยเช่าและความซื้อง่ายขายคล่อง โดยไม่รวมถึงผู้ทีต้องการซื้อชั้นสูงพิเศษ เพื่อความพอใจส่วนตัว นะครับ
1. อาคารสูงกว่า 30 ชั้น สำหรับอาคารที่มีความสูงมากๆ ตั้งแต่ 30 ชั้น ขึ้นไป แนะนำให้เลือกซื้อห้องระหว่างชั้น 10-20 เพราะความสูงดังกล่าว เพียงพอที่จะได้วิวที่สูงพอสมควรและไม่โดนบัง และไม่ได้มีภาพลักษณ์ด้อย (ผู้ซื้อบางคนอาจรู้สึกว่าห้องชุดชั้นล่างๆ โดยเฉพาะที่มีเลขตัวเดียว มีภาพลักษณ์ด้อยกว่าห้องชุดชั้นบน) ถ้าจะให้สวยอาจจะอยู่ระหว่างชั้น 15-19 แต่ถ้าเป็นอาคารที่ไม่มีตึกรอบๆ บัง จะเลือกซื้อประมาณชั้น 11-12 ก็ใช้ได้แล้ว สำหรับผู้ที่จะซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า บริษัทญี่ปุ่นบางแห่งไม่อนุญาตให้พนักงานพักอาศัยสูงกว่าชั้น 20 ขึ้นไป ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ดังนั้นคอนโดระหว่างชั้น 10-20 นอกจากจะได้ผลตอบแทนการเช่าดีแล้ว ก็ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องข้อห้ามเหล่านี้ด้วย
2. อาคารสูง 8-25 ชั้น กลุ่มถัดมาจะเป็นคอนโดที่มีความสูงปานกลางคือสูงกว่า 8 ขั้น แต่ไม่เกิน 30 ชั้น หลักการเลือกจริงๆ ยังคล้ายกับอาคารสูง แต่อาจเลือกกลุ่มที่อยู่กลางๆ มากขึ้นคืออยู่ระหว่างชั้น 10-15 เพราะชั้นที่อยู่บนๆ จะมีต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อจะขายต่อ ถ้าห้องชุดที่อยู่ระหว่างชั้นดังกล่าวขายหมดแล้ว เราอาจเลือกชั้นที่สูงขึ้นหรือต่ำลงไปเล็กน้อย เช่น 16-17 หรือจะเป็นเลขตัวเดียวสวยๆ อย่างชั้น 8-9 ก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ให้ดูกลุ่มผู้ซื้อโดยรวมของโครงการเป็นหลักถ้าโครงการเน้นกลุ่มรายได้ปานกลาง เราอาจเลือกห้องชั้น 8-9 เพื่อให้ต้นทุนต่ำและขายต่อง่ายกว่า แต่ถ้าหากโครงการตั้งราคาขายสูงและอยู่ในทำเลที่ดี เราอาจจะเลือกห้องที่อยู่ชั้นบน เพราะดีมานด์มีกำลังซื้อและต้องการของดีมากกว่าราคาถูกแถมเล็กน้อย
สำหรับโครงการที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ที่ผู้ซื้ออาจะเป็นผู้ปกครองของนักศึกษาที่มาจากต่างจังหวัด เราอาจไม่ต้องเลือกห้องที่อยู่สูงมาก จะเป็นครึ่งล่างของโครงการเลยก็ได้ เพราะ
1) ผู้ซื้อมองว่าเป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวต้องการให้ซื้อง่ายขายง่าย
2) คนต่างจังหวัดไม่คุ้นเคยกับการอยู่ชั้นสูงๆ
3) เรื่องความปลอดภัย เช่น การตกจากที่สูง และการหลบหนีเมื่อเกิดอัคคีภัย
3. อาคารเตี้ยกว่า 8 ชั้น คอนโดที่สูงน้อยกว่า 8 ชั้น หรือที่หลายๆ คนชอบเรียกว่า คอนโด Low-rise ห้องชุดที่ได้รับความนิยมมักจะสูงตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป เพราะถึอว่าเป็นครึ่งบนของโครงการ บางคนอาจจะชอบเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 5 เพราะผู้ซื้อบางคนไม่ชอบเลข 4 นอกจากนี้คอนโดที่อยู่ชั้น 2-3 อาจจะถูกบ้านที่อยู่ข้างๆ บังง่ายกว่า โดยการเลือกชั้นเพื่อที่จะ “ลงทุน” ทั้งหมดมีหลักการอยู่ที่
1) ดูกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ
2) ราคาสามารถแข่งขันได้กับห้องอื่นๆ ในโครงการเมื่อจะขายต่อ
3) ไม่เลือกชั้นที่ทำให้รู้สึกว่าเป็นข้อด้อย
ครั้งหน้าเราจะมาพูดเรื่อง เลือกห้องในโครงการ เลือกห้องแพงสิ ไว้มารออ่านกันนะครับว่าทำไม
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
