อสังหาฯหรูฮ่องกงส่งสัญญาณฟื้น ทำสถิติใหม่ขายห้องชุด 1.7 พันล้าน
บริษัท CK Asset Holdings Ltd. ของนายวิคเตอร์ ลี ผู้ประกอบการชาวฮ่องกง ประกาศความสำเร็จในการขายอพาร์ทเมนต์สุดหรูด้วยมูลค่า 459 ล้านเหรียญฮ่องกง (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,777 ล้านบาท) ซึ่งเป็นอีกสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยระดับหรูของฮ่องกงกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา
ห้องชุดขนาด 5 ห้องนอนแต่งครบพร้อมอยู่ ในโครงการ 21 Borrett Road มีพื้นที่ 3,378 ตารางฟุต (314 ตารางเมตร) หรือคิดเป็นราคา 136,000 เหรียญฮ่องกงต่อตารางฟุต (5.67 ล้านบาทต่อตารางเมตร) ทำลายสถิติเดิมในปี 2017 ของโครงการ Mount Nicholson ขึ้นครองตำแหน่งเป็นอพาร์ตเมนต์ที่แพงที่สุดในเอเชียตามรายงานของ Bloomberg Intelligence
บ้านพักตั้งอยู่ในย่านพักอาศัย Mid-Levels สุดพิเศษ มาพร้อมหลังคาส่วนตัวและสระว่ายน้ำ ธุรกรรมนี้ยังรวมถึงที่จอดรถอีกสามคัน สำหรับผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อ
การซื้อขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นคืนความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อที่มีศักยภาพ และเพิ่มยอดขายหน่วยคงเหลือในโครงการอีกด้วย ตามบันทึกของ Patrick Wong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มบริษัทที่นำโดย Wharf Holdings Ltd. คว้าที่ดินบน The Peak สำหรับพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับหรูด้วยราคา 50,010 เหรียญฮ่องกงต่อตารางฟุต ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของฮ่องกงมาได้สำเร็จ
ข้อมูลจาก Jones Lang LaSalle Inc. ระบุว่า ราคาบ้านหรูในฮ่องกง ลดลง 8% ในปี 2020 ซึ่งลดลงมากกว่าตลาดในภาพรวมอยู่ 1%
เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลได้ยกเลิกแผนการที่จะเรียกเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ถูกใช้งาน ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันในการขายบ้านหรูลงได้ ซึ่งโดยปกติการล้างสต๊อกทรัพย์ราคาสูงก็ทำได้ยากอยู่แล้ว
ที่มา : Bloomberg
ห้องชุดขนาด 5 ห้องนอนแต่งครบพร้อมอยู่ ในโครงการ 21 Borrett Road มีพื้นที่ 3,378 ตารางฟุต (314 ตารางเมตร) หรือคิดเป็นราคา 136,000 เหรียญฮ่องกงต่อตารางฟุต (5.67 ล้านบาทต่อตารางเมตร) ทำลายสถิติเดิมในปี 2017 ของโครงการ Mount Nicholson ขึ้นครองตำแหน่งเป็นอพาร์ตเมนต์ที่แพงที่สุดในเอเชียตามรายงานของ Bloomberg Intelligence
บ้านพักตั้งอยู่ในย่านพักอาศัย Mid-Levels สุดพิเศษ มาพร้อมหลังคาส่วนตัวและสระว่ายน้ำ ธุรกรรมนี้ยังรวมถึงที่จอดรถอีกสามคัน สำหรับผู้ซื้อที่ไม่ระบุชื่อ
การซื้อขายดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นคืนความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนที่มีมูลค่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อที่มีศักยภาพ และเพิ่มยอดขายหน่วยคงเหลือในโครงการอีกด้วย ตามบันทึกของ Patrick Wong นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มบริษัทที่นำโดย Wharf Holdings Ltd. คว้าที่ดินบน The Peak สำหรับพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับหรูด้วยราคา 50,010 เหรียญฮ่องกงต่อตารางฟุต ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของฮ่องกงมาได้สำเร็จ
ข้อมูลจาก Jones Lang LaSalle Inc. ระบุว่า ราคาบ้านหรูในฮ่องกง ลดลง 8% ในปี 2020 ซึ่งลดลงมากกว่าตลาดในภาพรวมอยู่ 1%
เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลได้ยกเลิกแผนการที่จะเรียกเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ถูกใช้งาน ซึ่งอาจช่วยลดแรงกดดันในการขายบ้านหรูลงได้ ซึ่งโดยปกติการล้างสต๊อกทรัพย์ราคาสูงก็ทำได้ยากอยู่แล้ว
ที่มา : Bloomberg
