AP เผยครึ่งแรกปี 65 ฟันกำไร 3.3 พันล้าน เร่งปูพรม 160 โครงการทั่วประเทศ
เอพี เผยรายได้ครึ่งปีแรกสูงกว่า 2.5 หมื่นล้าน ฟันกำไรทะลุ 3.3 พันล้าน เร่งปูพรม 160 โครงการทั่วประเทศพร้อมวงเงินสดพร้อมใช้กว่า 1.3หมื่นล้านบาท หลังยืนหนึ่งยอดขาย 7 เดือน 2.9 หมื่นล้าน เกินครึ่งทางของเป้ายอดขายที่วางไว้ 5 หมื่นล้าน
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขรายได้รวม กำไร ยอดขาย ตลอดจนจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ สูงสุดถึง 25,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ทำได้ 20,506 ล้านบาท กำไรสุทธิมากถึง 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 2,518 ล้านบาท
ขณะที่สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าไปต่อแบบไม่สะดุดด้วยวงเงินสด (Availably Credit Line) พร้อมใช้กว่า 13,607 ล้านบาท เพื่อตั้งรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมดันเป้ารายได้ทั้งปี 47,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงเป็นคีย์ไดร์ฟสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทควบคู่กับการกลับมาของตลาดคอนโดมิเนียมที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3 นี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนที่ก่อสร้างเสร็จ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท และ LIFE สาทร เซียร์รา จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
นายวิทการ กล่าวว่า แม้จะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของต้นทุนด้านต่าง ๆ แต่บริษัทฯ ยังคงสร้างนิวเรคคอร์ดด้านตัวเลขอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายถึง 29,960 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่ทำได้นั้นเติบโตขึ้นกว่า 45% หากเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า โดยมีสินค้าซูเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นภาพสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดคอนโดที่เริ่มฟื้นคืนกลับ อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดคอนโดในภาพรวมอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผน BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด โดยครึ่งปีหลังบริษัทจะมีโครงการพร้อมขายกระจายทั่วกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดรวมกันมากถึง 160 โครงการ มูลค่าพร้อมขายกว่า 122,350 ล้านบาท โดยทิศทางในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด ยังคงใช้สินค้าแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์อภิทาวน์ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา อภิทาวน์ได้เปิดโครงการไปแล้วใน 5 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ ขอนแก่น, อภิทาวน์ ระยอง, อภิทาวน์ นครศรีธรรมราช, อภิทาวน์ เชียงราย และ อภิทาวน์ อยุธยา และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ อุดรธานี, อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา และ อภิทาวน์ อุบลราชธานี
รวมถึงโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกจำนวนมาก ประกอบด้วยทาวน์โฮม 16 โครงการ มูลค่า 16,440 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่า 24,030 ล้านบาทและคอนโด 3 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท ด้วยแผนการดำเนินงานที่รัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว และการบริหารจัดการแบบกระจายอำนาจ ควบคู่การบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างเคร่งครัด
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขรายได้รวม กำไร ยอดขาย ตลอดจนจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่น ๆ สูงสุดถึง 25,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ทำได้ 20,506 ล้านบาท กำไรสุทธิมากถึง 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 2,518 ล้านบาท
ขณะที่สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าไปต่อแบบไม่สะดุดด้วยวงเงินสด (Availably Credit Line) พร้อมใช้กว่า 13,607 ล้านบาท เพื่อตั้งรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมดันเป้ารายได้ทั้งปี 47,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงเป็นคีย์ไดร์ฟสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทควบคู่กับการกลับมาของตลาดคอนโดมิเนียมที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3 นี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนที่ก่อสร้างเสร็จ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท และ LIFE สาทร เซียร์รา จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
นายวิทการ กล่าวว่า แม้จะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของต้นทุนด้านต่าง ๆ แต่บริษัทฯ ยังคงสร้างนิวเรคคอร์ดด้านตัวเลขอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายถึง 29,960 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่ทำได้นั้นเติบโตขึ้นกว่า 45% หากเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า โดยมีสินค้าซูเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นภาพสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดคอนโดที่เริ่มฟื้นคืนกลับ อีกทั้งยังเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดคอนโดในภาพรวมอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผน BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด โดยครึ่งปีหลังบริษัทจะมีโครงการพร้อมขายกระจายทั่วกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดรวมกันมากถึง 160 โครงการ มูลค่าพร้อมขายกว่า 122,350 ล้านบาท โดยทิศทางในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด ยังคงใช้สินค้าแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์อภิทาวน์ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา อภิทาวน์ได้เปิดโครงการไปแล้วใน 5 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ ขอนแก่น, อภิทาวน์ ระยอง, อภิทาวน์ นครศรีธรรมราช, อภิทาวน์ เชียงราย และ อภิทาวน์ อยุธยา และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ อุดรธานี, อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา และ อภิทาวน์ อุบลราชธานี
รวมถึงโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกจำนวนมาก ประกอบด้วยทาวน์โฮม 16 โครงการ มูลค่า 16,440 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่า 24,030 ล้านบาทและคอนโด 3 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท ด้วยแผนการดำเนินงานที่รัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว และการบริหารจัดการแบบกระจายอำนาจ ควบคู่การบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างเคร่งครัด
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
