เนื้อกระเบื้อง ดินเผา เซรามิก พอร์สเลน แกรนิตโต้ ต่างกันอย่างไร
1. กระเบื้องดินเผา เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงดินมากกว่าหิน เพราะมีอัตราการซึมน้ำสูง มีรูพรุนมาก ทำให้มีการยืดหดตัวสูงเมื่อโดนความชื้นและความร้อน แตกหักง่าย ผุกร่อนโดยกัดเซาะได้ง่าย ผิวค่อนข้างด้าน ตัวเนื้อดินเผามีสีสันให้เลือกไม่มากนัก และหากไม่ได้ผลิตด้วยมาตรฐานระดับสูงมักมีสีสันของแต่ละแผ่นไม่สม่ำเสมอ ยกเว้นแต่จะทำการเคลือบสีเพิ่มเข้าไป ข้อดีของกระเบื้องชนิดนี้คือไม่ลื่น(ถ้าไม่ได้มีตะไคร่น้ำเกาะ) ระบายความชื้นและความร้อนได้ดี จึงอมความร้อนไว้ไม่นาน ราคาประหยัด สีสันหรือขนาดที่ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด ก็ทำให้ได้ความงามที่เป็นธรรมชาติไม่แข็งทื่อ
2. กระเบื้องเซรามิก เป็นกระเบื้องที่พบเห็นได้ทั่วไปในงานตกแต่งอาคาร อัตราการซึมน้ำต่ำ เนื้อแน่น มีความแกร่งค่อนข้างสูง ถึงแกร่งกว่ากระเบื้องดินเผาแต่แตกหักได้เช่นกันเพราะมักทำเป็นแผ่นบางลงกว่ากระเบื้องดินเผา กระเบื้องเซรามิกจะต้องมีการเคลือบสีหรือทำลวดลาย จึงมีลวดลายสีสันหลากหลายมาก ตัวกระเบื้องเซรามิกมีคุณสมบัติใกล้เคียงหินมากขึ้น แต่เนื่องจากกรรมวิธีการผลิตเป็นการตัดก่อนเผา ขนาดกระเบื้องจึงแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในแต่ละแผ่น ต้องใช้ความกว้างของยาแนวช่วยลวงตา เพราะฉะนั้นถึงผิวกระเบื้องทำลวดลายเหมือนหินอย่างไรก็ยังดูออกเพราะมียาแนวเป็นตัวฟ้อง สำหรับกระเบื้องเซรามิกบางรุ่นจะกำหนดว่าให้ใช้ปูผนังเท่านั้น ไม่สามารถนำมาปูพื้นได้เนื่องจากความแข็งแรงต่ำ อัตราการซึมน้ำสูง และหรือมีผิวลื่นกว่ารุ่นปูพื้น (ทำความสะอาดง่าย แต่ลื่นเกินไปสำหรับพื้น)
3. กระเบื้องพอร์ซเลนเคลือบผิว เป็นกระเบื้องที่เผาด้วยอุณหภูมิสูง อัตรากาซึมน้ำต่ำมาก แกร่งกว่าหินทั่วไป มีการเคลือบผิวเป็นลวดลายต่างๆ มีทั้งแบบตัดขอบเรียบให้มีขนาดเท่ากันทุกแผ่นและไม่ตัดขอบ และเมื่อรวมกับคุณสมบัติที่มีการยืดหดตัวน้อยจึงสามารถปูชิดกันได้เหมือนกับการปูหิน เมื่อปูเสร็จแล้วจึงสวยงามดูเหมือนปูด้วยแผ่นหินธรรมชาติ โดยมีข้อดีคือสามารถควบคุมสีสันให้เหมือนกันได้ดีกว่าหินธรรมชาติอีกด้วย แต่เนื่องจากทำมาจากดินที่ถูกรีดเป็นแผ่นแล้วค่อยเผา แล้วตัด แม้จะตัดได้ขนาดมาตรฐานแต่ตัวแผ่นยังคงมีการบิดตัวให้เห็นบ้าง การปูให้ได้สวยงามจึงต้องใช้ทักษะสูงทำให้ค่าแรงในการปูสูงตามไปด้วย(ยิ่งแผ่นใหญ่ยิ่งมีโอกาสบิดเยอะและยิ่งปูยาก) กระเบื้องพอร์ซเลนบางรุ่นจะมีการระบุทิศทางการปูให้มีทิศทางการบิดเหมือนกันเพื่อ ทำให้ลวงตาว่าเรียบเนียนเสมอกันไม่กระเดิด (แตกต่างจากหินที่เป็นก้อนแข็งแล้วค่อยตัดเป็นแผ่นจะไม่มีการบิด)
4. กระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งที่จริงก็คือกระเบื้องพอร์ซเลนไม่เคลือบผิว โดยทั้งแผ่นผลิตจากตัวเนื้อวัสดุชนิดเดียวกันตลอดทั้งแผ่น (Homogeneous) ซึ่งก็คือหากเกิดการกระเทาะหรือตัดกระเบื้อง จะเห็นเนื้อด้านข้างเป็นสีเดียวกับผิวกระเบื้อง อัตราการซึมน้ำต่ำ ความแกร่งสูง สามารถปูชิดกัน และคุณสมบัติอื่นๆ เหมือนกระเบื้องพอร์ซเลนทุกประการ นอกจากนั้นยังมีกระเบื้องที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ ตามความสร้างสรรค์ เช่นกระเบื้องโมเสกแก้ว ฯลฯ เมื่อทราบเรื่องชนิดของเนื้อกระเบื้องข้างต้นเราก็จะสามารถเลือกกระเบื้องได้เหมาะสมกับตำแหน่งและรูปแบบการใช้งาน
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ