เปลี่ยนพื้นลามิเนตคอนโด เป็นพื้นกระเบื้องได้หรือไม่?
โดย นิธิพันธ์ วิประวิทย์ ZmyHome
หลายต่อหลายท่านอาจจะไม่ถูกใจกับพื้นไม้ลามิเนตซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันในคอนโดมิเนียมทุกวันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วพื้นไม้ลามิเนตก็มีข้อดีหลายประการ ทั้งเรื่องการติดตั้งง่าย ทำให้งานออกมาเรียบร้อย ความสบายเท้าทั้งในเรื่องความเย็นที่สัมผัส และความยืดหยุ่นตัวเล็กน้อย ไม่กระด้างแบบหินหรือกระเบื้อง แต่ข้อเสียที่หลายท่านไม่เคยชินคือ พื้นไม้ลามิเนตไม่เหมาะกับการใช้งานที่มีการลากย้ายเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ซึ่งจะทำให้พื้นผิวเป็นร่องรอยได้ง่าย และต้องระมัดระวังเรื่องน้ำและความชื้น
หลายท่านจึงอยากเปลี่ยนพื้นห้องจากพื้นลามิเนตเป็นพื้นหิน หรือกระเบื้องแทน เบื้องต้นต้องขอบอกก่อนว่า ตัววัสดุพื้นไม้ลามิเนตเองมีหลายเกรดเหมือนวัสดุทุกชนิด มีทั้งชนิดดีและชนิดไม่ค่อยดี ชนิดแพงและชนิดถูก ซึ่งก็เป็นไปตามคุณสมบัติทั้งด้านความสวยงาม สัมผัส และความทนทาน ซึ่งหากท่านขอทางโครงการเปลี่ยนวัสดุพื้นจากลามิเนตเป็นวัสดุอื่นที่ว่า คำตอบที่ได้รับกลับมามักจะเป็นคำว่า “เปลี่ยนไม่ได้” แม้จะอยู่ในกระบวนการเลือกซื้อคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม
เหตุผลที่เปลี่ยนไม่ได้อาจจะมีทั้งเหตุผลด้านการบริหารจัดการก่อสร้างหรือด้านราคา และเหตุผลที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักคือความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยน ความหนา ปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนวัสดุ เนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตมีความหนาประมาณ 8-12 ม.ม.เท่านั้น และสามารถปูลงบนพื้นคอนกรีตขัดมันเรียบได้เลย แต่ในส่วนพื้นกระเบื้อง นอกจากความหนาของตัวกระเบื้องแล้วยังต้องมีปูนกาว ซึ่งจะมีระยะความหนารวมมากกว่าพื้นไม้ลามิเนตแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นพื้นหินจริงด้วยแล้ว ความหนาของตัวหินเองก็หนาถึง 20 ม.ม. ตัวปูนทรายปรับระดับและปูนกาวอาจทำให้ความหนารวมของการปูพื้นหินหนาเกือบ 5 ซม.
ซึ่งหากเตรียมพื้นไว้สำหรับปูไม้ลามิเนตแล้วต้องการปรับไปเป็นพื้นกระเบื้องหรือหิน จะทำให้พื้นมีระดับสูงขึ้นจากที่เตรียมตัวไว้เล็กน้อย ทำให้พื้นภายในห้องต่างระดับกับพื้นทางเดินภายนอก ระดับพื้นที่เปลี่ยนสูงขึ้น 10-20 ม.ม. อาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่สำหรับงานก่อสร้าง จะทำให้ต้องปรับองค์ประกอบหลายต่อหลายอย่าง เช่นต้องปรับระยะความสูงของบานประตู ซึ่งต้องปรับแต่งให้บานยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยการตัดฐานประตู…เกือบทุกบาน และในโครงการที่ใช้ประตูคุณภาพดีเช่นประตูกันเสียงจะยุ่งยากขึ้นอีกเมื่อต้องการปรับแต่งบานประตูที่ทำได้มาตรฐานจากโรงงานไว้อย่างดีแล้ว งานแห้ง ดูแลง่าย สบายกว่างานเปียก
นอกจากนั้น งานปูพื้นไม้ลามิเนตเป็นงานประเภทงานแห้ง ซึ่งไม่มีการผสมปูนให้เลอะเทอะ แตกต่างจากงานปูหินและกระเบื้องซึ่งเป็นงานเปียก ซึ่งเสี่ยงต่อความยุ่งยากในการทำงานและอาจทำให้พื้นที่ส่วนอื่นที่ทำไว้เรียบร้อยแล้วเสียหายได้ คำตอบคือ เปลี่ยนได้ครับ โดยถ้ามีการเปลี่ยนตั้งแต่ยังไม่ก่อสร้างอะไรเลยก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าเปลี่ยนตอนเตรียมพื้นคอนกรีตขัดมันเพื่อปูไม้ลามิเนตแล้ว หรือตัดสินใจเปลี่ยนเมื่อปูพื้นไม้ลามิเนตไปเรียบร้อยแล้วก็จะได้พื้นที่มีระดับสูงกว่าที่โครงการออกแบบไว้เล็กน้อย ซึ่งมักกระทบต่อบานประตูภายในห้อง และการมาปรับเปลี่ยนภายหลัง ต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะงานปูพื้นกระเบื้องหรือหินเป็นงานเปียก โครงการทั่วไปมักปฏิเสธการเปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นรายๆ เพราะต้องทำงานวางแผนปรับระดับพื้นแตกต่างกัน และต้องคอยระวังกระบวนการงานเปียกไปทำความเสียหายส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องจุกจิกในโครงการใหญ่ๆ จึงมักให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนเองภายหลัง
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
หลายต่อหลายท่านอาจจะไม่ถูกใจกับพื้นไม้ลามิเนตซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันในคอนโดมิเนียมทุกวันนี้ ซึ่งจริงๆแล้วพื้นไม้ลามิเนตก็มีข้อดีหลายประการ ทั้งเรื่องการติดตั้งง่าย ทำให้งานออกมาเรียบร้อย ความสบายเท้าทั้งในเรื่องความเย็นที่สัมผัส และความยืดหยุ่นตัวเล็กน้อย ไม่กระด้างแบบหินหรือกระเบื้อง แต่ข้อเสียที่หลายท่านไม่เคยชินคือ พื้นไม้ลามิเนตไม่เหมาะกับการใช้งานที่มีการลากย้ายเฟอร์นิเจอร์หนักๆ ซึ่งจะทำให้พื้นผิวเป็นร่องรอยได้ง่าย และต้องระมัดระวังเรื่องน้ำและความชื้น
หลายท่านจึงอยากเปลี่ยนพื้นห้องจากพื้นลามิเนตเป็นพื้นหิน หรือกระเบื้องแทน เบื้องต้นต้องขอบอกก่อนว่า ตัววัสดุพื้นไม้ลามิเนตเองมีหลายเกรดเหมือนวัสดุทุกชนิด มีทั้งชนิดดีและชนิดไม่ค่อยดี ชนิดแพงและชนิดถูก ซึ่งก็เป็นไปตามคุณสมบัติทั้งด้านความสวยงาม สัมผัส และความทนทาน ซึ่งหากท่านขอทางโครงการเปลี่ยนวัสดุพื้นจากลามิเนตเป็นวัสดุอื่นที่ว่า คำตอบที่ได้รับกลับมามักจะเป็นคำว่า “เปลี่ยนไม่ได้” แม้จะอยู่ในกระบวนการเลือกซื้อคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม
เหตุผลที่เปลี่ยนไม่ได้อาจจะมีทั้งเหตุผลด้านการบริหารจัดการก่อสร้างหรือด้านราคา และเหตุผลที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักคือความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยน ความหนา ปัจจัยสำคัญของการเปลี่ยนวัสดุ เนื่องจากพื้นไม้ลามิเนตมีความหนาประมาณ 8-12 ม.ม.เท่านั้น และสามารถปูลงบนพื้นคอนกรีตขัดมันเรียบได้เลย แต่ในส่วนพื้นกระเบื้อง นอกจากความหนาของตัวกระเบื้องแล้วยังต้องมีปูนกาว ซึ่งจะมีระยะความหนารวมมากกว่าพื้นไม้ลามิเนตแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นพื้นหินจริงด้วยแล้ว ความหนาของตัวหินเองก็หนาถึง 20 ม.ม. ตัวปูนทรายปรับระดับและปูนกาวอาจทำให้ความหนารวมของการปูพื้นหินหนาเกือบ 5 ซม.
ซึ่งหากเตรียมพื้นไว้สำหรับปูไม้ลามิเนตแล้วต้องการปรับไปเป็นพื้นกระเบื้องหรือหิน จะทำให้พื้นมีระดับสูงขึ้นจากที่เตรียมตัวไว้เล็กน้อย ทำให้พื้นภายในห้องต่างระดับกับพื้นทางเดินภายนอก ระดับพื้นที่เปลี่ยนสูงขึ้น 10-20 ม.ม. อาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่สำหรับงานก่อสร้าง จะทำให้ต้องปรับองค์ประกอบหลายต่อหลายอย่าง เช่นต้องปรับระยะความสูงของบานประตู ซึ่งต้องปรับแต่งให้บานยกสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยการตัดฐานประตู…เกือบทุกบาน และในโครงการที่ใช้ประตูคุณภาพดีเช่นประตูกันเสียงจะยุ่งยากขึ้นอีกเมื่อต้องการปรับแต่งบานประตูที่ทำได้มาตรฐานจากโรงงานไว้อย่างดีแล้ว งานแห้ง ดูแลง่าย สบายกว่างานเปียก
นอกจากนั้น งานปูพื้นไม้ลามิเนตเป็นงานประเภทงานแห้ง ซึ่งไม่มีการผสมปูนให้เลอะเทอะ แตกต่างจากงานปูหินและกระเบื้องซึ่งเป็นงานเปียก ซึ่งเสี่ยงต่อความยุ่งยากในการทำงานและอาจทำให้พื้นที่ส่วนอื่นที่ทำไว้เรียบร้อยแล้วเสียหายได้ คำตอบคือ เปลี่ยนได้ครับ โดยถ้ามีการเปลี่ยนตั้งแต่ยังไม่ก่อสร้างอะไรเลยก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าเปลี่ยนตอนเตรียมพื้นคอนกรีตขัดมันเพื่อปูไม้ลามิเนตแล้ว หรือตัดสินใจเปลี่ยนเมื่อปูพื้นไม้ลามิเนตไปเรียบร้อยแล้วก็จะได้พื้นที่มีระดับสูงกว่าที่โครงการออกแบบไว้เล็กน้อย ซึ่งมักกระทบต่อบานประตูภายในห้อง และการมาปรับเปลี่ยนภายหลัง ต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะงานปูพื้นกระเบื้องหรือหินเป็นงานเปียก โครงการทั่วไปมักปฏิเสธการเปลี่ยนให้ลูกค้าเป็นรายๆ เพราะต้องทำงานวางแผนปรับระดับพื้นแตกต่างกัน และต้องคอยระวังกระบวนการงานเปียกไปทำความเสียหายส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องจุกจิกในโครงการใหญ่ๆ จึงมักให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนเองภายหลัง
จากใจ
ZmyHome
กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ
