รู้หรือไม่? งานหนักของเครื่องปรับอากาศไม่ใช่ทำความเย็น แต่เป็นการรีดความชื้น
สำหรับภูมิอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย ไม่ใช่แค่การลดอุณหภูมิลงเท่านั้น แต่การลดความชื้นลงก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน
โดยทั่วไปเราอาจคิดว่า ความชื้นมักมากับความเย็น แต่เรื่องจริงมิใช่เช่นนั้น ความชื้นซึ่งก็คือปริมาณไอน้ำในอากาศ หากมีมากเกินไป จะทำให้น้ำบนผิวหนังของเราระเหยออกไปได้ช้า ทำให้มีความรู้สึกอบอ้าว เหนอะหนะกว่าอุณหภูมิจริงของห้อง
อากาศที่แห้ง มีปริมาณไอน้ำในอากาศน้อย ทำให้ความชื้นบนผิวหนังของเราระเหยออกไปได้ง่าย จึงช่วยลดอุณหภูมิที่ผิวหนัง ทำให้เรารู้สึกเย็นสบายขึ้น
เครื่องปรับอากาศจึงมีหน้าที่ทำความเย็นและรีดความชื้นออกจากอากาศของห้อง (อันที่จริงมีอีกหน้าที่คือการเป่าลมให้ลมเคลื่อนตัว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกเย็น เพราะลมที่พัดผ่านช่วยในการระเหยของน้ำที่ผิวหนังเราได้ด้วยเช่นกัน)
เราสามารถเห็นความชื้นที่รีดออกมาเป็นตัวตนเป็นหยดน้ำจากท่อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งต่อออกไปหยดทิ้งภายนอกห้อง (บ้างปล่อยทิ้งไปเปล่า ๆ บ้างรองใส่ภาชนะรวบรวมเอามารดน้ำต้นไม้ก็ไม่เลว)
สำหรับอากาศแบบบ้านเรา เครื่องปรับอากาศจะใช้พลังงานในการรีดความชื้นหนักหน่วงมากกว่าการทำความเย็น โดยมีการประเมินไว้ว่า พลังงานกว่า 70% ของเครื่องปรับอากาศถูกใช้ไปในการรีดความชื้น ส่วน 30% ที่เหลือเอาไว้ลดอุณหภูมิ
ตัวเลขนี้ไม่ใช่รู้ไว้เพื่อเป็นความรู้รอบตัวเท่านั้น แต่มันยังเป็น Guideline สำหรับการประหยัดพลังงานได้ เพราะ หากทำให้ห้องปลอดจากแหล่งผลิตความชื้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดภาระของเครื่องปรับอากาศได้มากเท่านั้น
ฉะนั้น ห้องไหนที่มีการทำอาหาร (มีทั้งความร้อน ความชื้นจากไออาหาร) มีบ่อน้ำ ตู้ปลา ตากผ้าในห้อง หรือติดกับห้องน้ำซึ่งเปิดเอาไว้ทำให้น้ำในห้องน้ำสามารถระเหยเข้ามาในห้องได้โดยง่าย เครื่องปรับอากาศก็จะมีภาระในการทำงานมากขึ้นตามตัว ซึ่งย่อมเปลืองไฟมากขึ้น
และแน่นอนว่าควรปิดห้องที่ปรับอากาศให้สนิท เพราะไม่ใช่แค่อุณหภูมิที่สูงกว่าจากภายนอกห้องจะเข้ามาเท่านั้น แต่ความชื้นภายนอกก็จะเข้ามาด้วยเช่นกัน
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
โดยทั่วไปเราอาจคิดว่า ความชื้นมักมากับความเย็น แต่เรื่องจริงมิใช่เช่นนั้น ความชื้นซึ่งก็คือปริมาณไอน้ำในอากาศ หากมีมากเกินไป จะทำให้น้ำบนผิวหนังของเราระเหยออกไปได้ช้า ทำให้มีความรู้สึกอบอ้าว เหนอะหนะกว่าอุณหภูมิจริงของห้อง
อากาศที่แห้ง มีปริมาณไอน้ำในอากาศน้อย ทำให้ความชื้นบนผิวหนังของเราระเหยออกไปได้ง่าย จึงช่วยลดอุณหภูมิที่ผิวหนัง ทำให้เรารู้สึกเย็นสบายขึ้น
เครื่องปรับอากาศจึงมีหน้าที่ทำความเย็นและรีดความชื้นออกจากอากาศของห้อง (อันที่จริงมีอีกหน้าที่คือการเป่าลมให้ลมเคลื่อนตัว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกเย็น เพราะลมที่พัดผ่านช่วยในการระเหยของน้ำที่ผิวหนังเราได้ด้วยเช่นกัน)
เราสามารถเห็นความชื้นที่รีดออกมาเป็นตัวตนเป็นหยดน้ำจากท่อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งต่อออกไปหยดทิ้งภายนอกห้อง (บ้างปล่อยทิ้งไปเปล่า ๆ บ้างรองใส่ภาชนะรวบรวมเอามารดน้ำต้นไม้ก็ไม่เลว)
สำหรับอากาศแบบบ้านเรา เครื่องปรับอากาศจะใช้พลังงานในการรีดความชื้นหนักหน่วงมากกว่าการทำความเย็น โดยมีการประเมินไว้ว่า พลังงานกว่า 70% ของเครื่องปรับอากาศถูกใช้ไปในการรีดความชื้น ส่วน 30% ที่เหลือเอาไว้ลดอุณหภูมิ
ตัวเลขนี้ไม่ใช่รู้ไว้เพื่อเป็นความรู้รอบตัวเท่านั้น แต่มันยังเป็น Guideline สำหรับการประหยัดพลังงานได้ เพราะ หากทำให้ห้องปลอดจากแหล่งผลิตความชื้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดภาระของเครื่องปรับอากาศได้มากเท่านั้น
ฉะนั้น ห้องไหนที่มีการทำอาหาร (มีทั้งความร้อน ความชื้นจากไออาหาร) มีบ่อน้ำ ตู้ปลา ตากผ้าในห้อง หรือติดกับห้องน้ำซึ่งเปิดเอาไว้ทำให้น้ำในห้องน้ำสามารถระเหยเข้ามาในห้องได้โดยง่าย เครื่องปรับอากาศก็จะมีภาระในการทำงานมากขึ้นตามตัว ซึ่งย่อมเปลืองไฟมากขึ้น
และแน่นอนว่าควรปิดห้องที่ปรับอากาศให้สนิท เพราะไม่ใช่แค่อุณหภูมิที่สูงกว่าจากภายนอกห้องจะเข้ามาเท่านั้น แต่ความชื้นภายนอกก็จะเข้ามาด้วยเช่นกัน
ลองสำรวจในห้องแอร์ของท่านกันนะครับ ว่ามีแหล่งผลิตความชื้นใดที่ตัดออกไปได้
จะได้ลดภาระค่าไฟ เย็นสบายแบบประหยัดพลังงาน
จะได้ลดภาระค่าไฟ เย็นสบายแบบประหยัดพลังงาน
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
