บัวเหนือประตูหน้าต่าง ช่วยบรรเทาอาการรั่วซึมได้
คำตอบของการออกแบบอาคารในเขตฝนชุกส่วนใหญ่ก็คือ ควรมีกันสาดกันฝนที่ยื่นยาวพอสมควร เมื่อกันสาดกันฝนให้ไม่โดนผนังโดนประตูหน้าต่างได้ ฝนก็จะไม่สาด น้ำก็จะไม่ซึมเข้าบ้านโดยปริยาย
แต่ด้วยพื้นที่ที่จำกัดจำเขี่ยในยุคปัจจุบัน ที่บ้านแต่ละบ้านแทบจะสร้างชิดติดกัน แถมยังมีกฎหมายระยะร่นระหว่างบ้านที่ห้ามสร้างกันสาดหรือแนวบ้านใกล้เขตเกินไป หรือไม่ก็เป็นที่ความนิยมรูปแบบของอาคารสไตล์โมเดิร์นเรียบง่าย กันสาดจึงมักถูกตัดทิ้งออกไป ส่งผลให้ปัญหาที่พบบ่อยในบ้านเราอย่างหนึ่งก็คือ น้ำรั่วซึมตามขอบประตูหน้าต่าง โดยเฉพาะประตูหน้าต่างที่อยู่บนด้านที่มีผนังเรียบ ๆ ซึ่งน้ำฝนที่สาดโดนกำแพงเหนือประตูหน้าต่างก็จะไหลลงมาเป็นแผ่นมวลน้ำ มาท้าทายรอยต่อของประตูหน้าต่างบ้านว่ามีการก่อสร้างรัดกุมเพียงใด
ปัญหานี้หากก่อสร้างอย่างดี มีการยาแนวกันซึมระหว่างรอยต่อของขอบประตูหน้าต่างแน่นหนาก็จะช่วยได้แน่ แต่ปัญหาคือรอยต่อระหว่างวงกบประตูหน้าต่าง (ไม่ว่าจะเป็นไม้ หรืออลูมิเนียม) กับผนังปูน ไม่มีทางประสานเข้ากันได้แนบแน่น เพราะเป็นคนละวัสดุกัน อัตราการขยายตัวเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไปก็ย่อมต่างกัน รอยต่อของทั้งสองสิ่งนั้นจึงต้องพึ่งวัสดุที่ยืดหยุ่นได้ เช่น ซิลิโคน เป็นต้น
ซึ่งซิลิโคนก็มีอายุการใช้งานจำกัด ในระยะเวลา 2-5 ปี ซิลิโคนก็จะเสื่อมประสิทธิภาพลง หากเป็นบ้านที่ได้รับการดูแลอย่างดี หรือปีนป่ายไปยาซิลิโคนได้ง่ายก็สบายหน่อย แต่หากหลงลืมไม่ได้ดูแลหรือมีจุดที่เข้าไปดูแลลำบาก ปัญหาน้ำรั่วซึมตามรอยต่อก็เป็นแค่เรื่องของเวลาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
เพราะฉะนั้นหากประตูหน้าต่างด้านใดไม่มีกันสาดคลุม จึงขอแนะนำว่า ให้ทำบัวเหนือหน้าต่างไว้สักหน่อย บัวนี้อาจจะยื่นออกมาจากตัวอาคารเพียง 3-4 นิ้ว และยื่นกันให้เกินรอยต่อด้านข้างของประตูหน้าต่างไปด้านข้างอีกสัก 2-4 นิ้ว เท่านี้แผ่นมวลน้ำที่ไหลสะสมจากผนังลงมาส่วนใหญ่ก็จะแหวกทางหลบหลีกออกไปจากรอยต่อประตูหน้าต่างของท่าน ลดภาระน้ำรั่วน้ำซึมได้มากโข
ซึ่งจากประสบการณ์ของบ้านหลาย ๆ หลัง หากเป็นผนังเรียบไม่มีบัวกันน้ำเหนือบานประตูหน้าต่าง มักมีน้ำรั่วซึมกันตั้งแต่ฝนแรก เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติและแทบต้องทำใจ เพราะการก่อสร้างบ้านมักไม่ได้ทำออกมาได้อย่างได้มาตรฐานแม่นยำในระบบโรงงานอุตสาหกรรม แต่เป็นการพึ่งพาฝีมือและความประณีตของช่างที่หน้างานซึ่งต้องปีนป่ายตามนั่งร้านขึ้นไปยาแนวรอยต่อต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้ง่ายดายนัก
การออกแบบให้มีบัวกันน้ำไหลเข้าหน้าต่าง จึงเป็นตัวเลือกที่ช่วยลด และตัดภาระการพึ่งพาความประณีตของช่างได้
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าปัญหาน้ำรั่วตามขอบหน้าต่างจะหมดไปนะครับ เพราะหากไม่มีกันสาดที่ยื่นไปกันฝนสาดประตูหน้าต่างได้มากเพียงพอ น้ำที่สาดมาโดนรอยต่อประตูหน้าต่างก็ยังมีโอกาสซึมเข้ามาได้อยู่ดี เพียงแต่การมีบัวเหนือประตูหน้าต่างช่วยลดปริมาณน้ำที่อาจจะไหลซึมเข้ามาตามรอยต่อประตูหน้าต่างเท่านั้น
จำไว้นะครับ สำหรับบ้านเรา เหนือประตูหน้าต่างด้านที่ไม่มีกันสาดก็ขอมีบัวกันไว้ก่อนดีกว่า ยกเว้นแต่ท่านจะมั่นใจในมาตรฐานการก่อสร้าง หรือสามารถหาช่างมาดูแลบ้านเป็นประจำได้อย่างไม่ยากเย็น
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ