5 ของใหญ่ควรระวัง ถ้าอยากเอามาตั้งไว้ในบ้าน
ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องแปลกประหลาด เมื่อเอ่ยปากว่า ถังน้ำ ตู้ปลา ชั้นหนังสือ กระบะต้นไม้ และเปียโน คือของ 5 อย่างที่ไม่น่าไว้ใจ ของทั้ง 5 อย่างนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่แน่นอนว่าเป็นสิ่งอันพึงจะพบได้บ้างในบ้านของเรา และถ้าหากถามว่าทำไม ก็ขอตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่เสียเวลาว่า ของทั้ง 5 อย่างนั้นมัน หนักอย่างคาดไม่ถึง
โดยทั่วไปอาคารพักอาศัยประเภทบ้าน คอนโด จะมีกฎหมายควบคุมน้ำหนักที่พื้นควรจะรับได้ต่อตารางเมตรเอาไว้ โดยภาษาวิศวกรเรียก "น้ำหนักบรรทุกจร" – ซึ่งก็คือน้ำหนักที่พื้นจะรับได้โดยไม่รวมน้ำหนักตัวพื้นเอง ซึ่งมีการแยกแยะตามประเภทอาคารและพื้นที่การใช้งาน เช่น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 6 พ.ศ.2527 ออกความตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี พ.ศ.2522)
การรับน้ำหนักที่กำหนดไว้นี้เป็นตัวเลขขั้นต่ำที่จะต้องผ่านเกณฑ์ วิศวกรอาจจะออกแบบเผื่อไว้มากกว่านี้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะไม่เผื่อไว้มากเกินจำเป็นไป เพราะความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาค่าก่อสร้าง
ซึ่งถ้าหากเป็นบ้านพักอาศัยธรรมดาๆ แต่ต้องการวางถังเก็บน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรลงไปนั้น ก็ต้องบอกว่าน้ำปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตรจะหนักถึง 1 ตัน ซึ่งเกิดเกณฑ์การรับน้ำหนักของบ้านพักอาศัยตามกฎหมายไปถึง 850 กก. ฉะนั้นสำหรับบ้านส่วนใหญ่แล้ววิศวกรจะต้องรู้ตำแหน่งที่วางถังน้ำตั้งแต่ช่วงออกแบบ เพื่อออกแบบโครงสร้างบริเวณนั้นให้แข็งแรงมากกว่าปกติ
ของอีกหลายสิ่งก็หนักใช่ย่อยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ตู้ปลาขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือถังน้ำดีๆ นี่เองแหละ เพียงแต่อาจจะมาในรูปแบบสิ่งของตกแต่งสวยงามจนเราไม่คิดว่ามันเป็นถังน้ำนั่นเอง
นอกจากนั้นยังมี ตู้เก็บหนังสือ ซึ่งคาดเดาได้ยากว่าจะหนักขนาดไหน แต่ลองคิดดูแล้วกันว่าในมาตรฐานตามกฎหมาย พื้นห้องเก็บหนังสือของหอสมุดต้องรับน้ำหนักได้ 600 กก. ต่อตารางเมตร ซึ่งเกินจาก 150 กก. มาถึง 3 เท่าตัว
ส่วน กระบะต้นไม้ ก็คือดินผสมน้ำดีๆ นี่เอง ซึ่งดิน 1 ลูกบาศก์เมตรมีน้ำหนักประมาณ 1 -1.5 ตันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าโดยทั่วไปถังน้ำ (ไม่นับรวมถังเก็บน้ำจริงจัง) ตู้ปลา ชั้นหนังสือ กระบะต้นไม้ ย่อมไม่ได้ใหญ่โตมหึมาขนาดนั้น แต่ด้วยน้ำหนักต่อตารางเมตรที่มากเกินมาตรฐานการรับน้ำหนักตามกฎหมายของบ้านพักอาศัยมามาก หากถังน้ำ ตู้ปลา ชั้นหนังสือ กระบะต้นไม้มีขนาดใหญ่พอสมควร ก็ควรพิจารณาตำแหน่งวางให้ดี ซึ่งไม่ควรวางเอาไว้กลางพื้น ซึ่งเป็นจุดอ่อนของพื้นที่รับน้ำหนักได้ไม่ดีนัก เพราะห่างไกลจากจุดถ่ายน้ำหนักมากกว่าใครเพื่อน ทางที่ดีก็ควรวางไว้บนแนวคานหรือใกล้แนวเสาได้ก็ยิ่งดี หรือหากเป็นการสร้างบ้านใหม่ ก็ควรบอกและถามวิศวกรไว้เลย ว่าตรงไหนจะวางตู้ปลาขนาดใหญ่ ชั้นหรือตู้หนังสือขนาดใหญ่ หรืออยากปลูกไม้กระถางเยอะๆ
และเมื่อจะย้ายตำแหน่งสิ่งของข้างต้น ก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าพื้นที่ใหม่ที่จะโยกย้ายสิ่งเหล่านี้ไปไว้ มันรับน้ำหนักของพวกนี้ได้หรือเปล่า
นอกจากนั้น เปียโนขนาดใหญ่ หรือ แกรนด์เปียโน ก็เป็นสิ่งที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน สำหรับบ้านที่ออกแบบมาเพื่อมีห้องเปียโน จำต้องบอกวิศวกรล่วงหน้าเอาไว้เลยว่าจะวางเปียโนไว้ตำแหน่งใด จะได้เพิ่มความแข็งแรงกับพื้นบริเวณนั้นไปตั้งแต่แรก (ซึ่งจะวางชิดเสาก็ไม่เหมาะเสียด้วย) แต่หากเป็นเปียโนเล็กก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
โดยทั่วไปอาคารพักอาศัยประเภทบ้าน คอนโด จะมีกฎหมายควบคุมน้ำหนักที่พื้นควรจะรับได้ต่อตารางเมตรเอาไว้ โดยภาษาวิศวกรเรียก "น้ำหนักบรรทุกจร" – ซึ่งก็คือน้ำหนักที่พื้นจะรับได้โดยไม่รวมน้ำหนักตัวพื้นเอง ซึ่งมีการแยกแยะตามประเภทอาคารและพื้นที่การใช้งาน เช่น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 6 พ.ศ.2527 ออกความตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี พ.ศ.2522)
- บริเวณหลังคา ต้องรับน้ำหนักได้ 50 กก.ต่อตารางเมตร
- ที่พักอาศัย โรงเรียนอนุบาล ห้องน้ำ ห้องส้วม ต้องรับน้ำหนักได้ 150 กก.ต่อตารางเมตร
- ห้องแถว ตึกแถว อาคารชุด หอพัก โรงแรม ต้องรับน้ำหนักได้ 200 กก.ต่อตารางเมตร
- อาคารพาณิชย์ มหาวิทยาลัย โรงเรียน ต้องรับน้ำหนักได้ 300 กก.ต่อตารางเมตร
การรับน้ำหนักที่กำหนดไว้นี้เป็นตัวเลขขั้นต่ำที่จะต้องผ่านเกณฑ์ วิศวกรอาจจะออกแบบเผื่อไว้มากกว่านี้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขามักจะไม่เผื่อไว้มากเกินจำเป็นไป เพราะความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาค่าก่อสร้าง
ซึ่งถ้าหากเป็นบ้านพักอาศัยธรรมดาๆ แต่ต้องการวางถังเก็บน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรลงไปนั้น ก็ต้องบอกว่าน้ำปริมาตร 1 ลูกบาศก์เมตรจะหนักถึง 1 ตัน ซึ่งเกิดเกณฑ์การรับน้ำหนักของบ้านพักอาศัยตามกฎหมายไปถึง 850 กก. ฉะนั้นสำหรับบ้านส่วนใหญ่แล้ววิศวกรจะต้องรู้ตำแหน่งที่วางถังน้ำตั้งแต่ช่วงออกแบบ เพื่อออกแบบโครงสร้างบริเวณนั้นให้แข็งแรงมากกว่าปกติ
ของอีกหลายสิ่งก็หนักใช่ย่อยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ตู้ปลาขนาดใหญ่ ซึ่งก็คือถังน้ำดีๆ นี่เองแหละ เพียงแต่อาจจะมาในรูปแบบสิ่งของตกแต่งสวยงามจนเราไม่คิดว่ามันเป็นถังน้ำนั่นเอง
นอกจากนั้นยังมี ตู้เก็บหนังสือ ซึ่งคาดเดาได้ยากว่าจะหนักขนาดไหน แต่ลองคิดดูแล้วกันว่าในมาตรฐานตามกฎหมาย พื้นห้องเก็บหนังสือของหอสมุดต้องรับน้ำหนักได้ 600 กก. ต่อตารางเมตร ซึ่งเกินจาก 150 กก. มาถึง 3 เท่าตัว
ส่วน กระบะต้นไม้ ก็คือดินผสมน้ำดีๆ นี่เอง ซึ่งดิน 1 ลูกบาศก์เมตรมีน้ำหนักประมาณ 1 -1.5 ตันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าโดยทั่วไปถังน้ำ (ไม่นับรวมถังเก็บน้ำจริงจัง) ตู้ปลา ชั้นหนังสือ กระบะต้นไม้ ย่อมไม่ได้ใหญ่โตมหึมาขนาดนั้น แต่ด้วยน้ำหนักต่อตารางเมตรที่มากเกินมาตรฐานการรับน้ำหนักตามกฎหมายของบ้านพักอาศัยมามาก หากถังน้ำ ตู้ปลา ชั้นหนังสือ กระบะต้นไม้มีขนาดใหญ่พอสมควร ก็ควรพิจารณาตำแหน่งวางให้ดี ซึ่งไม่ควรวางเอาไว้กลางพื้น ซึ่งเป็นจุดอ่อนของพื้นที่รับน้ำหนักได้ไม่ดีนัก เพราะห่างไกลจากจุดถ่ายน้ำหนักมากกว่าใครเพื่อน ทางที่ดีก็ควรวางไว้บนแนวคานหรือใกล้แนวเสาได้ก็ยิ่งดี หรือหากเป็นการสร้างบ้านใหม่ ก็ควรบอกและถามวิศวกรไว้เลย ว่าตรงไหนจะวางตู้ปลาขนาดใหญ่ ชั้นหรือตู้หนังสือขนาดใหญ่ หรืออยากปลูกไม้กระถางเยอะๆ
และเมื่อจะย้ายตำแหน่งสิ่งของข้างต้น ก็ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าพื้นที่ใหม่ที่จะโยกย้ายสิ่งเหล่านี้ไปไว้ มันรับน้ำหนักของพวกนี้ได้หรือเปล่า
นอกจากนั้น เปียโนขนาดใหญ่ หรือ แกรนด์เปียโน ก็เป็นสิ่งที่มีน้ำหนักมากเช่นกัน สำหรับบ้านที่ออกแบบมาเพื่อมีห้องเปียโน จำต้องบอกวิศวกรล่วงหน้าเอาไว้เลยว่าจะวางเปียโนไว้ตำแหน่งใด จะได้เพิ่มความแข็งแรงกับพื้นบริเวณนั้นไปตั้งแต่แรก (ซึ่งจะวางชิดเสาก็ไม่เหมาะเสียด้วย) แต่หากเป็นเปียโนเล็กก็ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
