8 สิ่งต้องทำเมื่อกลับถึงบ้าน ให้บ้านปลอด Covid-19

ในช่วงที่ Covid-19 กลับมาระบาดระลอกใหม่อย่างนี้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปนอกบ้าน ทุก ๆ คนต้องเตรียมการป้องกันตัวกันให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก, พกเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ไว้คอยล้างมือและฆ่าเชื้อตามจุดที่ต้องสัมผัส, สวมเสื้อทับชั้นนอก, ใช้อุปกรณ์ทานอาหารส่วนตัว รวมทั้งการเว้นระยะห่างจากผู้อื่น ซึ่งตลอดทั้งวันเราไม่มีทางรู้เลยว่าเชื้อโรคได้เข้ามาเกาะติดตามเนื้อตัว เสื้อผ้าหรือรองเท้าของเราบ้างหรือไม่ ดังนั้นเมื่อเรากลับถึงบ้านก็อาจมีโอกาสที่จะนำเชื้อโรคร้ายกลับมาฝากคนในครอบครัวได้เช่นกัน ดังนั้นภารกิจสำหรับคนที่ออกไปนอกบ้านมา เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วก็ควรปฏิบัติตัวตามขั้นตอนต่อไปนี้ครับ

ถอดรองเท้าไว้นอกบ้าน ไม่ใส่เข้าบ้าน อาจเก็บเข้าชั้นหรือใส่กล่องให้เรียบร้อย หากสวมเสื้อคลุมก็ให้แขวนแยกไว้บริเวณประตูนอกบ้านเช่นกัน
หากใช้หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียว ให้ตัดสายคล้องหูก่อน แล้วพับทิ้งลงในถังขยะที่ปิดมิดชิด
หากใช้หน้ากากผ้าที่สามารถซักได้ ให้ซักทุกวันด้วยน้ำยาซักผ้าเด็ก น้ำสบู่อ่อน หรือซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ควรแช่ทิ้งไว้ และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาขจัดคราบหรือน้ำยาฟอกผ้าขาว ตากในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และควรมีหน้ากากสำรองเผื่อกรณีหน้ากากแห้งไม่ทันการใช้งานครั้งถัดไป
ก่อนเปิดประตูบ้านให้ล้างมือด้วยสบู่ก่อน โดยใช้เวลาในการล้างมือมากกว่า 20 วินาที หรือล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์
เมื่อเข้าบ้านแล้วให้รีบเช็ดฆ่าเชื้อ กระเป๋า กระเป๋าสตางค์ กุญแจ โทรศัพท์มือถือ นาฬิกา ด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์
อย่าเพิ่งนั่งบนเก้าอี้หรือโซฟาในบ้าน หากยังไม่ได้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า
ถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออก แยกใส่ตะกร้าไว้ต่างหาก เพื่อแยกซักไม่ให้ปะปนกับเสื้อผ้าที่ใส่ในบ้าน
อาบน้ำ สระผม แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที

อาจจะเป็นขั้นตอนที่ดูยุ่งยากสักหน่อย แต่ในภาวะวิกฤติเช่นนี้ ความปลอดภัยของทุกคนในบ้านเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง หากเรายังไม่สามารถเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านได้ การปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้น ก็ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของเราและทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดีครับ และเมื่อเราทำตัวเองให้สะอาดปลอดภัยได้แล้วอยากจะทำบ้านให้สะอาดปลอดภัยด้วย ลองอ่านจากบทความ "เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านแบบเข้มข้น เพื่อทุกคนอุ่นใจ ปลอดภัยจาก COVID-19" ได้ครับ

จากใจ

ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ

ข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส